วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Travel : แอ่วเมืองเชียงราย ปลายเดือนเมษา

แต่นแตนแต๊นนน !! ปอปอยเดินทางอีกแล้วนะคับกระผม
มารายงานตัวกับทริปขึ้นเหนือๆ 555
คงแปลกใจกันไม่น้อยเลย กับการขึ้นเหนือในช่วงฤดูร้อนแบบนี้ !!
ถูกต้องแล้วนะฮะ อ่านกันไม่ผิดหรอก ขึ้นเหนือจริงๆ
เพราะทริปนี้จะพาไปแอ่วเชียงรายในเดือนเมษาแบบนี้แหละ

จริงๆที่มาของทริปครั้งนี้ก็คือ โชคดีได้ที่พัก @เชียงราย ฟรีนะฮะ
รวมแล้วเป็นเวลา 3วัน2คืน
เพราะงั้นไม่รอช้า ได้มาก็สนองNeed แม้จะอยู่ในช่วงฝึกงานก็ตาม
จัดไปเลยฮะ ททริปนี้ไม่คิดเยอะ เอาเป็นว่า เค้าจะไปอ่ะตัวเอง ><"

เกริ่นไร้สาระกันไปเยอะแล้ว มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
กำหนดการเดินทางของเราในทริปนี้ คือ 26-28 เม.ย. 56
และผู้ร่วมเดินทางประจำทริปของเค้าก็คือ ที่รักของเค้าเอง จุ๊บุ >3<

ไปกันเลยฮะ Let's go Go Go go go !!

26 เม.ย. 56 
ป่ะป๊ามาส่งถึงสนามบินดอนเมือง น่ารักมาก ขอบคุณฮ๊าบบบ >w< 
เราเลือกที่จะเดินทางไปด้วยเครื่องบิน 
เนื่องจาก เวลามีน้อย อยากมีเวลาเที่ยวเยอะๆก็เลยยอมเสียกะตังค์นั่งเครื่องบินไป
เพื่อตัดเวลาในการเดินทางทิ้งไปนะฮะ ก็จะมีเวลาเที่ยวเยอะขึ้น เย้ๆๆ

สายการบินที่เลือกไปก็คือ..คือ NokAir นะค๊าบบบบ 

เดินทางถึงสนามบิน Check-in เรียบร้อยก็จ้ำๆกันเดินโล้ดดดด
เข้าไปลึกเหมือนกันนะเนี่ย = ="

เหนือพื้นดินและก้อนเมฆ มักมีอะไรซ่อนอยู่
(ปีกเครื่องบิน มุมสุดฮิต!!)

ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงสนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงรายแล้วววว *0*

สนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงราย

ก็ลงเครื่อง ไปยื่นรอรับกระเป๋าด้านใน ^^
โชว์หัวนกกันหน่อย สีชมพู ><

บอกตามตรงเลยว่านั่งเครื่องบินแล้วหวาดเสียว เป็นคนกลัวความสูงนะกั๊บ 
เห็นอะไรสูงๆแล้วมันเสียวไปหมด ลงจากเครื่องเลยมึนๆไปนิด 555
พอได้รับกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยก็ พร้อมลุย !!

แบกกระเป๋าจ้ำออกมาจากสนามบิน
ก็มีรถตู้จากที่พักมารับ-ส่งจากสนามบินถึงที่พัก 
บริการฟรี หน้าตาพี่เขา(ผู้หญิง)ยิ้มแย้มกันเองมากๆ 
ระหว่างทางที่ขับรถไปส่งก็พูดถึงสถานที่ท่องเที่ยว 
และให้คำแนะนำพวกเราได้ดีทีเดียวเชียวล่ะ ^^

ถึงแล้วที่พักของเรา ^____^

At ChiangRai

ลักษณะที่พักไม่ได้อยู่ติดริมถนน แต่ก็มีป้ายปักไว้ตรงปากซอย 
ซึ่งจะต้องเข้าไปในซอยประมาณ500เมตร (สามารถเดินได้)

มีห้องพักประมาณ20ห้อง ลักษณะคล้ายตึกแถว2ชั้น

มีสระว่ายน้ำเล็กๆอยู่ด้านหน้า 
มีลานให้จอดรถได้ประมาณ6-7คัน


ในส่วนของออฟฟิตให้บริการเป็นหลังเล็กๆ เป็นพัดลม
มีที่นั่งสำหรับทานอาหารเช้า
ที่นี่บริการขนมปัง โอวันติน ชา กาแฟด้วยน้าาา
แถมยังมีน้ำฝรั่งให้บริการด้วย (แอบกระซิบว่าน้ำจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆในแต่วัน)



เมื่อสำรวจบริเวณรอบๆแล้วก็รับกุญแจ เข้าห้อง เก็บของ
เพราะเดี๋ยวตารางที่จัดไว้จะไม่ทันซะก่อน ><"

ทางที่พักมีบริการมเตอร์ไซต์ให้ฟรี สำหรับแขกที่มาพัก
เพราะฉะนั้นเราจึงกลายร่างเป็ยสาวสก๊อย ซ้อนมอไซต์แว๊นๆเที่ยวเชียงราย
(จริงๆสอบถามทางที่พักแล้วว่าเช่ารถได้ที่ไหน พี่เขาก็บอกว่ามีรถให้บริการ 555)

จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปหามื้อเที่ยงรับประทานกัน
โดยมุ่งตรงไปที่ร้าน "ป้านวล"
ค้นข้อมูลมาว่า น้ำเงี้ยว ร้านป้า อร่อยนักแล
แต่พอไปถึง เจอป้าย "ร้านปิด 2 วัน"
เศร้าเลย อดกินไปตามระเบียบ T______T

ร้าน "ป้านวล"

และด้วยความหิวโหยของกระเพาะน้อยๆ (หลอ??)
ก็เกือบจะได้ทานอาหารอีสานอย่างส้มตำไก่ย่างไปซะแล้ว
แต่ว่าปอปอยค้านทันนะฮะ มาถึงเชียงราย ต้องทานอาหารเหนือสิ!!

ขับเลยไปตรตงถนนห่างจากร้านป้านวลและร้านส้มตำไก่ย่างนั้นเอง
ตาก็ไปสะดุดกับร้าน "ฅนกินเส้น"
ถึงกับจอดดดดด 5555


ป้ายร้าน "ฅนกินเส้น"


หน้าร้าน "ฅนกินเส้น"

หม้อเครื่องแกง น้ำยา น้ำเงี้ยว

ส่วนประกอบอาหาร


ร้านนี้ตกแต่งในแบบเก่า คล้ายๆกับเพลินวาน
มีโปสเตอร์ภาพยนตร์สีสันติดอยู่เต็มร้าน


โต๊ะเก้าอี้ที่ให้บริการเป็นไม้ และวางทับด้วยกระจก
จึงทำความสะอาดง่าย


จะทำการสั่งอาหารก็ต้องนี่เลย
เป็นใบให้เขียน เตรียมไว้ให้พร้อม เขียนเสร็จก็ส่งให้พี่เขา


ใบสั่งอาหาร

ขณะนั่งรออาหารมาเสริฟ์ก็ได้สำรวจทั่วๆร้าน
มีคำคมแปะไว้ให้อ่านเต็มเลย ข้อคิดดีดีทั้งน้านนน ><


ข้อคิดดีดี

ซักพักน้ำที่สั่งไว้ก็มา แต่ช้าก่อนนั่นอะไร
ขันนนนน!!
มาเป็นขันเลย แอร๊ยยยย เหมือนได้รับการต้อนรับแบบสมัยก่อนเลย :)


น้ำอัญชัน


น้ำเก๊กฮวย

ดื่มกันให้หายเหนื่อย เย็นชื่นใจ
ตามมาติดๆกับอาหารจานหลัก


ขนมจีนน้ำเงี้ยว
มาในชามกระเบื้อง

สำหรับขนมจีนน้ำเงี้ยว รสชาติจัดจ้านดีเชียว
ยิ่งบีบมะนาวลงไป ยิ่งแจ่มม ถือว่าผ่านจ้าาา ^0^


ชามต่อไปเป็น "เส้นเล็กน้ำตก"
อย่าเพิ่งมองว่าธรรมด๊าธรรมดาไปนะ
ลองดูนี่ซะก่อน
มาในชาม "กะลา" เลยนะคะ
แบบนี้เค้าเรียกทำอะไรให้มันแตกต่าง ชีวิตจะได้มีรสชาติ
(เอ้ยยย ไม่เกี่ยวกันซะหน่อย 555)


ทานด้วยความหิวซก จัดซะแปปเดียวหมดเลย 555

แต่ก็นะเหมือนขาดอะไรไป ทั้งๆที่อยากทานข้าวซอย
แต่ร้านที่ตั้งใจไว้ดันปิด
ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าสั่ง "ข้าวซอย" มาเพิ่มทานด้วยกันนะฮ๊าบบบ ><"


ข้าวซอย

รสชาติอ่อนไปนิด อาจเพราะทานรสหนักๆไปแล้วก็ได้
แต่ก็ถือว่าได้ทานข้าวซอยสมใจอยาก อิอิ

เอาล่ะจัดพลังงานเรียบร้อย กองทัพมีแรงเที่ยวได้ต่อ
ตามแผนที่วางไว้ก็ไปกินอีกอ่ะแหละ 
เป้าหมายต่อไปของเราคือ "ของหวาน" >_<

มุ่งหน้าไปทางหาดเชียงราย
วิ่งไปตามถนนหาร้านไม่เจอซะที
จนสุดทาง ก็เจอะกับหาดเชียงรายเสียก่อน

หาดเชียงราย

บร่ะเจ้า!! คืออยากบอกว่ามันสวยมาก
ต้นหางนกยูง ออกดอกสีแดงสะพรั่ง
ปอปอยไม่ลืมที่จะแชะรูปกับความสวยงามแบบนี้
แวะถ่ายเล็กน้อยก็ได้เวลาตามหาร้านของหวานกันต่อไป!!

ย้อนกลับทางเดิม แล้วเลี้ยวขวาออกซอยมาเล็กน้อย
แล้วเราก็โผล่มาเจอเข้ากับร้านที่ตั้งใจไว้ว่าจะมาอีกวันซะก่อน

ร้าน Cimelio

เลยตัดสินใจ จอดรถ เข้าร้านเพื่อที่จะกิน
พอเดินตรงเข้าไปสั่งเท่านั้นแหละ 
"ร้านปิดแล้วนะคะ"
ฮืออออออ เศร้าอีกรอบ T______T

เราก็เลยถามทางจากร้าน Cimelio
ว่าร้าน "กรุงเก่าคอฟฟี่เค้ก" ที่ตั้งใจจะมานั้นไปทางไหน

และในที่สุดเราก็เจอจนได้ "ร้านกรุงเก่าคอฟฟี่เค้ก" 
รู้แล้วว่าทำไมร้านที่เป็นสีเหลืองออกจะเด่นขนาดนี้
เมื่อกี้ขับรถผ่านถึงไม่เจอ

เพราะว่าร้านผลุบเข้าไปด้านใน โดยมีระเบียงไม้ล้อมรอบอีกที
ทำให้หลุดรอดสายตาพวกเราไป


ตัวร้านสีเหลืองเด่นมาก

ด้านในประดับตกแต่งสไตล์ยุโรป
มีโซฟาและเก้าอี้ให้นั่ง ค่อนข้างหรูหราเลยทีเดียว
แต่ก็ให้ความอบอุ่น เพราะมีขนาดเล็ก ไม่ได้สูงโปร่งประดับโคมไฟระย้ามากมาย


ตู้เค้ก และเมนูเครื่องดื่ม

เราได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านสาวสวยเป็นอย่างดี
แนะนำเค้กและเครื่องดื่ม จนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว

เครื่องดื่มที่เราเลือกทานกันเป็นชาเขียวร้อนและเอสเปรสโซ่ร้อน

ตามด้วยเค้กกาแฟ
ที่ร้านนี้ใช้ชื่อหรูหรากว่านี้ แต่ที่ทานเข้าไปก็กาแฟแหละครับ

นั่งทานของหวานเพลินจนเกือยลืมเวลา
สถานที่ต่อไปที่เราต้องไปลุย(กิน)กันต่อ
ก็คือ "ป้าอ้วน บัวลอยมือถือ"

ร้านนี้อยู่ปากซอยเชียงรายไนท์บาร์ซา
หาเจอง่ายมากๆ เป็นร้านเล็กๆแต่สะดุดตา
เพราะมีแค่ร้านเดียวเท่านั้น อิอิ

ร้านป้าอ้วน บัวลอยมือถือ

คนที่ชอบทานขนมไทยคงจะถูกใจไม่น้อยเลย
ป้าอ้วนขายบัวลอยอยู่ในราคา 20 บาท
มีเครื่องให้เลือกมากมาย
และบัวลอยก็ปั้นตรงนั้น ลงหม้อกันสดๆร้อนๆเลย

รสชาติทั่วไปๆสำหรับเรา แต่ที่คอนเฟิร์มว่าอร่อย
ต้องยกให้กับความนุ่มหนึบๆของแป้งที่ใช้ทำบัวลอย
แนะนำให้ต้องมาทานเลยล่ะ

จากนั้นก็ได้เวลาเดินเล่นเชียงรายไนท์บาร์ซา
ใครที่ขับรถมอเตอร์ไซต์มา สามารถจอดฝั่งตรงข้ามได้เลย

ร้านขายงานศิลปะ

ของทำมือน่ารักๆ

กรอบรูปที่เป็นการเคลื่อนไหวของทราย
น่าสนใจไม่น้อยเลย

หลังจากเดินเล่นกันจนเมื่อย ท้องก็เริ่มหิว
ได้เวลาแล้วที่เราจะได้ไปฝากท้องกับที่ต่อไป
นั่นคือ "ร้านเชียงรายรำลึก"

ที่เลือกร้านนี้ต้องบอกก่อนเลยว่าจุดเด่นมันอยู่ตรงที่ "หอนาฬิกา"
เพราะเราตั้งใจมาดูความสวยงามของแสงสีเสียงของหอนาฬิกาโดยเฉพาะ

ร้านตกแต่งแบบเก่า มีของเก่าๆเพียบเลย

เมนูคอกเทล

เมนูอาหาร

เรานั่งกันบนชั้น 2 ของร้าน 
ให้บรรยากาศแสงส้มสลัวๆยามค่ำคืน

ราคาของอาหารจะค่อนข้างสูง เหมาะกับผู้ใหญ่ที่พกตังค์มาทานอาหารเยอะหน่อยนะ
เด็กๆอย่างเรา เลยสั่งเมนูง่ายๆ
เป็นข้าวไข่เจียวกับผัดพริกหวานหมู ^^"


ข้าวไข่เจียวกับผัดพริกหวานหมู

ทานไปซักพักก็ได้เวลาของหอนาฬิกา
ที่นี่ทุกๆชั่วโมงจะมีการแสดงแสงสีเสียงและดนตรี
สวยงามจนถ่ายรูปกันไปหลายช็อตเลยทีเดียว


หอนาฬิกา

พอดูการแสดงจบ ก็ได้เวลาเช็คบิลกลับที่พักกันแล้ว
เล่นเอาฟ้ามืดเลย

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

27 เม.ย. 56

ตื่นมาทานอาหารเช้าที่ทางที่พักมีบริการ
อ่ะๆ!! ไม่ใช่แค่ขนมปิ้งทาเนยนะคะ
แต่ที่นี่ เขามีขนมปังปิ้งทาเนยแยม ว่าไว้ให้ทานตลอดอยู่แล้ว

แต่สำหรับมื้อเช้า สามารถสั่งเมนูได้ค่ะ
เมนูก็ประมาณ ข้าวไข่เจียว โจ๊ก ข้าวต้ม หรือไส้กรอกไข่ดาวค่ะ
มื้อเช้าก็ทานเบาๆกันไปเพราะหลังจากนี้ ก็จะไปสรรหาอะไรเข้าท้องกันต่อ 555

มุมขนมปังปิ้ง

มีชา กาแฟวางไว้ให้บริการตัวเอง

เราสั่งเมนูไข่ดาว ไส้กรอกมาค่ะ 
เพราะว่าเผื่อท้องไว้ทานขนมปังปิ้ง อิอิ

และข้าวไข่เจียวสำหรับพ่อหนุ่ม
ให้มาเยอะ เอาซะอิ่มเลย 555

หลังจากจัดการกับมื้อเช้าเรียบร้อย
แผนการวันนี้ของเราก็คือ "วัดร่องขุ่น"
ชื่อดังของ อาจารย์เฉลิมชัย

วัดร่องขุ่น

วัดร่องขุ่น ตั้งอยู่ที่ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
 ถือเป็นศาสนสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงราย เป็นผลงานการออกแบบและก่อสร้างโดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรไทยที่มีผลงานจิตรกรรมไทยหลากหลาย จนได้รับการยกย่องขึ้นเป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ในปี พ.ศ. 2554 ผู้ซึ่งอุทิศตนสร้างวัดวัดร่องขุ่นอันยิ่งใหญ่นี้ขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์ให้วัดแห่งนี้งดงามดังสวรรค์ที่มีอยู่จริง อีกทั้งมนุษย์สามารถสัมผัสได้บนพื้นพิภพ คล้ายเป็นสิ่งกระตุ้นเตือนให้คนเราใฝ่ปฏิบัติธรรม และประกอบแต่กรรมดีในการดำเนินชีวิต 
ข้อมูลจาก : http://travel.kapook.com/view60585.html

ภาพแบบมุมกล้างนิดๆของวัด

ที่นี่จะมีผ้าถุงไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยวที่ใส่สั้นมาด้วยนะเออ
(เราก็ใส่ขาสั้นไป = =")

ศิลปะแบบไทยๆสวยงาม

ต้นใบโพธิ์ที่เป็นเงิน 
เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ทำบุญแล้วแขวนใบโพธิ์
นำความสงบร่มเย็นมาให้
และยังเขียนคำอธิษฐานและชื่อลงไปได้ด้วยนะ สาธุๆ >w<

เขียนๆๆ

มีปากกาไว้คอยบริการ

หลังจากอิ่มบุญและชื่นชมความสวยงามเรียบร้อยแล้ว 
ก็ได้เวลาของมื้อเที่ยง

แต่ทว่า...!!
เราต้องหาปั๊มเติมน้ำมันกันซะก่อน และนั่นคือปัญหา
ที่ใกล้ๆวัดร่องขุ่นนั้น หาปั๊มยากจัง
เราต้องตีย้อนขึ้นไปเพื่อหาปั๊มน้ำมัน ซึ่งตื่นเต้นมาก 
เพราะไม่รู้ว่ารถถีบของเราคันนี้จะไปถึงปั๊มไหวมั๊ย
และในที่สุดเราก็มาถึง...ปั๊ม เย้ๆๆ

ปั๊มน้ำมันที่ตามหา

เต็มถังเลย เพ่!!
น้ำมันเต็มถัง บวกด้วยความหิว ติดสปีตเต็มกำลัง
มุ่งไปยังมื้ออาหารกลางวันของเราที่นี่เลย
"ร้านอาหารภูภิรมย์" 

:
ทางเข้าติดถนน แต่ต้องขับรถเข้าไปอีกนะ

ถึงแล้วร้านอาหารภูภิรมย์

ที่นี่เป็นไร่ชา เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจ 
ถ้าจะได้สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติที่เต็มไปด้วยต้นชา และทิวทัศน์ที่สวยงาม

ร้านอาหารภูภิรมย์ เป็นส่วนหนึ่งของไร่บุญรอด นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกทีหนึ่งในเชียงราย
มีความสวยงามของทุ่งขาวบาร์เลย์ ไร่สตอเบอร์รี่ วิวของไร่ชาและร้านอาหารนี้รวมอยู่ด้วย
นั่งทานมื้อเที่ยงที่นี่กัน สัมผัสได้ถึงอากาศที่เย็นสบายแต่ตอนไป แดดแรงไปหน่อย 
อาจเพราะเป็นตอนเที่ยงก็ได้

และนี่คือยำผักบุ้งกรอบกับสปาเก็ตตี้ไส้อั่ว
เมนูมื้อเที่ยงของเรา

เมนู "ยำผักบุ้งกรอบ"
อาหารขึ้นชื่อและแนะนำของที่นี่เลย
หน้าตาน่ารับประทานสุดพลัง แอร๊ยยย
คนข้างๆถึงกับเอ่ยว่า "ของเธอน่ากินจัง" เลยล่ะ อิอิ

น้ำยำรสชาติแซ่บ จัดจ้านมาก แถมมีกุ้งสดตัวโต
 ทานกับผักบุ้งกรอบแล้ว อร่อยเหาะไปเลยล่ะ


ส่วนของที่รักเป็นเมนู "สปาเก็ตตี้ไส้อั่ว"
เราชิมแล้ว อร่อยมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะเข้ากันได้ดี
คนทานเผ็ดคงถูกใจเชียวล่ะ

อิ่มท้องแล้วก็เที่ยวกันต่อ 
สถานที่ต่อไปคือ "พิพิธภัณฑ์บ้านดำ"

บ้านดำ หรือ พิพิธภัณฑ์บ้านดำ ตั้งอยู่ที่ ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย 
สร้างขึ้นโดย อ.ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ ที่มีฝีมือทางด้าน จิตรกรรม ปฏิมากรรม 
ได้สร้างงานด้านศิลปะไว้มากมาย ทั้งทางด้านภาพเขียน และ ด้านปฏิมากรรม หลายชิ้น 

ลักษณะ ของ บ้านดำจะเป็นกลุ่มบ้าน ศิลปะแบบล้านนา ทุกหลังทาด้วยสีดำ 
ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า “บ้านดำ” และยังเป็นสีที่ อ. ถวัลย์โปรดปราน อีกด้วย 
ในบ้านแต่ละหลังจะประดับด้วยไม้แกะสลักที่มีลวดลายงดงาม 
นอกจากไม้แกะสลักแล้วยังประดับด้วยเขาสัตว์ 
เช่น เขาควาย เขากวาง และยังมีกระดูกสัตว์ เช่น กระดูกช้าง เป็นต้น 

ภายในบริเวณบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้ บรรยากาศร่มเย็นสบาย 
โดยในบริเวณบ้านประกอบไปด้วยบ้านทั้งหมด 36 หลัง ที่มีลักษณะแตกต่างกันไป 
ซึ่งบ้านเหล่านี้ไม่ได้สร้างไว้สำหรับอยู่อาศัยแต่สร้างไว้สำหรับเก็บสิ่งของสะสมต่าง ๆ ของอาจารย์ถวัลย์ 

นอกจากนั้น ยังมีอีกหนึ่งหลังที่ยังสร้างไม่เสร็จ คือพิพิธภัณฑ์ที่ใช้แสดงผลงานของอ.ถวัลย์ 
สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง มีลวดลายแกะสลักที่ สวยงามอย่างยิ่งนับว่าเป็นอีกสถานที่หนึ่
ที่แสดงถึงเอกลักษณ์และศิลปะแบบล้านนาที่ทรงคุณค่าและ ควรอนุรักษ์ 
ในจังหวัดเชียงรายจะมีวัดร่องขุ่นของอาจารย์เฉลิมชัย ซึ่งมีสีขาวเหมือนสวงสวรรค์ 
ทำให้มีผู้เปรียบเทียบบ้านดำของอาจารย์ อาจารย์ถวัลย์ จะเป็นแนวออกทางนรก 
ซึ่งอาจารย์ติบว่า “ นั่นคือเป็นข้อเปรียบเทียบ คือ อ.เฉลิมชัยทำวัดร่องขุ่นจะค่อนข้า
งเหมือนกับสรวงสวรรค์ อาจารย์ถวัลย์จะเน้นโทนดำๆ ถ้าจะเปรียบก็เฉลิมสวรรค์ ถวัลย์นรก
 เป็นแค่การเปรียบเทียบแต่ไม่ใช่ออกในแนวนรกConcept ที่นี่ไม่ใช่นรกแต่เป็นบ้านดำ 
ที่นี่เค้าเรียกบ้านดำนางแล ลักษณะจะเป็นสีดำ คนก็เลยเปรียบเปรยกันอย่างนี้เฉยๆ ” 

บ้านดำ เปิดให้เข้าชมเข้าชมฟรี ทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น.



ศิลปะส่วนหนึ่ง



จัดแสดงงานศิลปะ

โต๊ะกลางใหญ่มากๆ

ศิลปะภาพวาด

มีแต่งานศิลปะ ชอบจัง >w<

พิพิธภัณฑ์กว้างมาก ทำเอาเดินจนเมื่อเลย
เพลินเพลิดกับความสวยงามของศิลปะกันแล้ว
ก็ได้เวลาไปเล่นน้ำตกกันต่อ

จะว่าไปแล้วเราลัดเลาะกันมาตามทางที่ไม่ใช่ถนนสายหลัก 
พื้นถนนจึงเป็นลูกรัง ฝุ่นเยอะไปหน่อย 
แต่ได้เห็นทิวทัศน์ที่ส่วนงามของแอ่งน้ำ
และภูเขาในมุมที่ ถ้าวิ่งทางปกติแล้ว จะไม่สามารถมองเห็นได้
ก็ดีไปอีกแบบนะ

แล้วเราก็มาถึงที่หมายจนได้
"น้ำตกโป่งพระบาท"


ตอนแรกเราเตรียมกำลังมาพร้อมเดินขึ้นอยู่หรอกนะ
เพราะได้ถามพี่ๆที่อยู่ตรงทางเข้าว่าน้ำตกต้องเดินขึ้นไปไกลไหม
และได้คำตอบอันน่าดีใจว่า "ไม่ไกล และเป็นทางเดินราบ เดินสะดวก"

แต่เอาเข้าจริง สูงมาก และชันเชียวล่ะ 
เหมาะสำหรับแข้งขาของคนที่แข็งแรง
คนเป็นหอบเหนื่อยง่าย เลิกเถอะ เล่นแค่ลำธารข้างล่างพอ

และถึงเราจะขาไม่ค่อยดี แต่ก็นะ มาถึงที่แล้วก็ลุยกันซักตั้ง
เดินกันไป พักกันไป ใสนที่สุดก็มาถึงยอดจนได้ เย้ๆๆ!!

สภาพหมดแรงเลยนะ 555

ได้เวลาเล่นน้ำต๋อมแต๋มซะที

ข้างบนไม่มีร้านค้าหรืออาหารขาย
รวมทั้งห้องน้ำก็ไม่มีนะคะ
ต้องเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่ๆขึ้นไปเพื่อปิดบังให้เปลี่ยนเสื้อผ้าได้
หรือไม่ก็ต้องเดินลงมาเปลี่ยนชุดด้านล่าง

ถือว่าได้สัมผัสธรรมชาติมากๆเลยทีเดียว
น้ำตกเย็นเจี๊ยบ และน้ำไหลแรง สดชื่นสุดๆ >w<

ด้วยเวลาที่จำกัด เพราะต้องเดินทางไปถนนคนเดินก่อนมืด
และมีอีกที่ที่ต้องแวะคือร้านของหวาน

เล่นน้ำเสร็จก็จัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้า และลงมาจากน้ำตกอย่างรวดเร็ว
และขณะที่มุ่งหน้าไปร้านของหวาน
เราก็ได้เจอเข้ากับบ่อน้ำพุร้อนที่เดิมมีอยู่ในแผน แต่หาไม่เจอเข้าจนได้

ก็เลยขอโฉบเอาเท้าไปแช่น้ำร้อนเล่น 
ขอบอกว่าร้อนจี๋เลยล่ะ 
แต่ก็พอแช่เท้าได้ให้เลือดหมุนเวียน มีบ่อเด็กที่น้ำอุ่นกำลังดี
แนะนำให้แช่บ่อเด็กก่อนแล้วค่อยไปบ่อร้อน เพราะช่วยให้ไม่ร้อนมากเกินไปดีเชียวล่ะ


น้ำพุร้อนโป่งพระบาท

บริเวณโดยรอบ


บ่อน้ำร้อน ร้อนจี๋ ><

เมมื่อเธอทุกข์ใจให้ลองเอาเท้าจุ่มน้ำ 555
ไม่ทุกข์ แต่สุขมากๆ ร้อนจนเท้าจะสุกแล้ว 555

เวลามีน้อย แช่พอให้เลือดไหลเวียน
ก็ได้เวลาขอมื้อเย็นกันแล้วล่ะค่ะ
วันนี้ตั้งใจว่าจะไปเดินหาอะไรทานกันในถนนคนเดิน
จึงเลือกที่จะไปทานของหวานกันก่อนกับร้านน่ารักๆ
อย่างร้าน "ชีวิตธรรมดา"

ร้านนี้ซ่อนอยู่ในแมกไม้จริงๆ
ร้านออกทางยุโรป เป็นเรือนกระจกสีขาวที่ล้อมรอบไปด้วยแมกไม้
มีระเบียงติดแม่น้ำ นั่งด้านนอกจะได้บรรยากาศธรรมชาติมากๆ 
แต่เราเลือกด้านใน เพราะแสงไฟสว่างกว่า อิอิ

มีที่สำหรับจอดรถ สะดวกมากๆ

รถจอดกันเต็มเลย

เคาเตอร์ของหวานและจ่ายค่าบริการ

ที่ร้านนี้ มักจะมีผู้คนเลือกที่จะมาเป็นที่สังสรรค์ 
พบปะครอบครัว เพื่อจิบน้ำชา และทานอาหารด้วยกัน

มีน้ำเปล่ามาเสริ์ปให้เป็นขวดเลย

เมนูของหวานของเราเป็น "บานอฟฟี่พาย"
ได้ความชุ่มฉ่ำของคาราเมลมากๆเลยล่ะ

มีหนังสือมากมายให้ได้หยิบมาอ่าน
แต่เจ้าของรักมาก อ่านแล้วเก็บคืนให้เรียบร้อยด้วยนะคะ

ด้านนอกมีที่นั่งอีกหลายที่ ตัวนี้เป็นโต๊ะยาว

มีชุดโต๊ะเก้าอี้ น่ารักๆเต็มเลย

ก่อนที่แสงของวันจะหมดไป หลังจากทานของหวานเสร็จแล้ว 
เราก็ได้เวลาขับรถไปถนนคนเดินกันแล้วล่ะค่ะ
ต้องรีบซะหน่อยแล้ว เดี๋ยวฟ้ามืด จะอันตราย

ถึง๔นนคนเดินแล้วล่ะ อิอิ
คนเยอะ คนเยอะ

มีน้ำสัปปะรดแบบนี้กันเลย

ของฝากน่ารักๆ

น้ำดื่มสดชื่นๆ

10บาทเอง ราคาถูกต่างกับกรุงเทพฯมากๆ

ของหวานของชอบ จุ๊บุ

สรรหาของฝาก หิ้วกลับไปได้เลย

เมาเบอร์รี่หรือลูกหม่อน
หาทานยาก
เลยสอยมากระทงนึง

เดินทานกันจนอิ่มแปล้ เมื่อยขาไปตามๆกัน
กลับที่พักนอนดีกว่า พรุ่งนี้เช้ายังมีที่ต้องไปเที่ยวกันอีกเยอะ ^^

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

28 เม.ย. 56
เช้าวันสุดท้ายของทริปแล้วล่ะ
และด้วยความที่เราต้องคืนห้องพักก่อนเที่ยง
เราจึงต้องเช็คเอ้าท์ตามเวลา ทำให้มีภาระคือสัมภาระอันหนักอึ้ง 
แต่พี่เจ้าของที่พักใจดี ให้เราฝากของไว้ได้ และให้เรายืมรถได้ถึงตอนเย็น 
ไม่พอแค่นั้น ยังใจดีบริการขับรถให้เราไปส่งถึงสนามบินในตอนเย็นอีกด้วย
น่ารักสุดๆไปเลยค่ะ ^^

เอาเป็นว่าเก็บเวลาให้เที่ยวอย่างคุ้มค่าที่สุดเลยล่ะกัน

มีอินเตอร์เน็ตบริการด้วย
หาข้อมูลเรื่องไฟท์เครื่องบินให้เรียบร้อยก่อนเดินทาง ^^

เช้านี้มีน้ำลิ้นจี่ไว้บบริการ

มื้อเช้าเป็นข้าวผัดหมูพูนจานเลย

ต่างจากข้าวไข่เจียวของเราลิบลับ ไม่เหมือนเมื่อวานเลยแห๊ธ = ="

ทานมื้อเช้ากันนิดหน่อยพออยู่ท้อง เพราะเช้านี้
เราต้องไปทานมื้อเช้ากับรถเหลืองคันนี้ ^__^

กาแฟรถเหลือง หาง่ายสะดุดตา
เป็นร้านรุ่นแรกๆที่ขายแบบนี้
ตั้งโต๊ะขายข้างทาง

เมนูเครื่องดื่มของทางร้าน


เมนูอาหารค่ะ

มื้อเช้าของร้านนี้ เราจัด "ไข่กระทะ" ที่อยากทาน
หน้าตาน่าทานใช่มั๊ยล่ะคะ ^^
กับปาท่องโก๋อีก2ตัว อิอิ

กาแฟเข้มข้นๆ

และชาเขียวร้อนๆ ><

ตามด้วยโจ๊กของร้าน "สหรส"
เราทานแล้วเฉยๆนะ สงสัยอิ่มไข่กระทะ 555

ร้านสหรส อยู่ใกล้ๆร้านกาแฟรถเหลือง

โจ๊กสหรส

จากนั้นเราก็ไปกันต่อที่ "รอยพระบาท"
ที่นี่อยู่ในส่วนของค่ายทหาร ติดต่อเข้าท่องเที่ยวกันดีดีนะคะ



วิวมุมสูงสวยมากเลย


ที่สำหรับลงนามเข้าเยี่ยมชมสถานที่


จากนั้นเราก็ไปกันต่อที่ หาดเชียงราย
มารอบนี้ อยู่ชมเพลินๆ 
แถมซน ลงไปเล่นน้ำข้างล่างอีกด้วย 555



ทางเข้าหาดเชียงราย

ต้นพญาเสือโคร่ง ผลิดอกบานสะพรั่ง

หลังจากนั้นเราต้องรีบเดินทางไปขึ้นรถเที่ยวชมเมือง
แต่ทว่า..."งดบริการรถราง"


ได้แต่มองรถรางที่ไม่เคลื่อนที่แล้วไปหาของหวานทาน
ขจัดความเสียใจออกไปล่ะกัน

มาหยุดกันที่ร้าน "ดอยช้าง"



ไอติม Homemade

เค้กเต็มตู้ไปหมด ><"

คนในร้านก็เยอะ หามุมจะนั่งยากเลย

มีบริการอินเตอร์เน็ตด้วยนะ

สั่งไอติมกีวี่กับเลมอนมา มัวแต่ถ่ายรูป ละลายเลย 555

ตามด้วยโกโก้เย็น วิปครีม อ้วนๆๆ >00<

หลังจากนั้นมุ่งตรงไปหาข้าวซอยหม้อดินขึ้นชื่อ แต่กลับพบว่า "หยุด" อีกแล้วจ้า T_T

ร้านข้าวซอยหม้อดิน ปิด TT

ไปร้านใหม่ก็ได้ที่น้านนี้เลย "ร้านพอใจ" ข้าวซอยไก่

กาแฟเย็น อื้มมม

ข้าวซอย คิดว่าธรรมดาไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าไม่ได้กิน

ขนมจีน้ำเงี๊ยว รสชาติดี

ลักษณะของร้าน

อันนี้แนะนำเลย เป็นลอดช่อง เนื้อนิ่มหนึบๆอร่อยมากกก!!


เมนูของทางร้าน



ลอดช่องต้องนี่เลย อยู่หน้าร้าน ราคาถูก อร่อย แนะนำๆ

ร้านพอใจ ข้าวซอยไก่

หลังจากอิ่มท้องกันเต็มที่ก็ได้เวลาเที่ยววัด
วัดในเมืองมีอย่เยอะ และใกล้ๆกันมาก
อิ่มบุญกันไป ~



















เมื่อเที่ยววัด อิ่มบุญกันไปแล้ว
ไปต่อกันที่ ห้องสมุดรถไฟ กันเถอะ



ด้านข้างของห้องสมุดรถไฟ มีกิจกรรมสำหรับเด็ฏกำลังดำเนินอยู่

ก่อนกลับต้องแวะถนนคนเดินให้ได้
ไปถนน"คนม่วน"กันเต๊อะ >,<!!







หลังจากเดินถนนคนม่วนกันเรียบร้อย
ก็ต้องรีบกลับซะแล้ว เดี๋ยวจะตกเครื่องบิน 555

พี่เจ้าของใจดีพาพวกเรานั่งรถมาส่งสนามบิน
แต่ด้วยความอยากลองทาน "ปั้นเปา"
ซาลาเปาขึ้นชื่อของเชียงราย จึงอ้อนให้พี่เขาจอดรถ
เพื่อซื้อหิ้วขึ้นเครื่องกัน

"ปั้นเปา" ซาลาเปาและหมั่นโถว ขึ้นชื่อของเชียงราย

นั่งหม่ำๆกันบนเครื่องเลย "ซาลาเปาหมูฟักทอง"

เดินทางกลับกรุงเทพฯด้วยสายการบิน AirAsia 
แอร์สาวตัวเล็กหน้าตาน่ารักมากๆ คนละแบบกับ NookAirขามา
แต่ที่รู้คือ ที่นั่งเล็กกว่า และไม่มีบริการอาหาร

หลังจากนั้นปอปอยก็หลับยาวถึงกรุงเทพฯเลยฮะ 555

จบทริปแต่เพียงเท่านี้ จริงๆมีอะไรสนุกๆให้เล่าอีกมาก
แต่พอแค่นี้ก่อน เที่ยวสนุก หมดแรงสลบยาวๆ
บ๊ายบาย แล้วเจอกันทริปหหน้านะคะ ^___^







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น