15 เม.ย. 56
นั่งว่างๆอ่านรีวิวเพลินๆ อ่านไปอ่านมา รีวิวร้าน Maidreamin ชักจะเยอะไปแล้ว ใครๆก็พูดถึง วันนี้เลยมีแผนว่าจะออกไปลองร้านเมดคาเฟ่แท้ๆจากญี่ปุ่นที่ชื่อว่า
Maidreamin ที่ Gateway เอกมัยซะหน่อย อิอิ
มาดูการเดินทางกันก่อนเลยดีกว่า
เราไป Gateway เอกมัย
โดยรถไฟฟ้า BTS โดยไปขึ้นรถไฟฟ้าที่ BTS หมอชิต แล้วไปลงที่สถานีเอกมัย เพียงเท่านี้เพื่อนๆก็ถึงที่หมายแล้วล่ะค่ะ
เพราะว่าเมื่อลงมาจากสถานี Gateway
จะอยู่ทางซ้ายมือเลย เห็นได้ชัดเจนมากๆ ถ้าหาไม่เจอ มองไปทางซ้ายสังเกตแมวกวักตัวใหญ่เบ้อเร้อ
(ใหญ่มากจริงๆนะ) ><
เมื่อเดินเข้าไปแล้ว จะพบกับบรรยากาศแบบญี่ปุ่น ฉันชอบบรรยากาศแบบนี้จัง
แอร๊ยยยย >< สิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าแตกต่างจากครั้งก่อนที่มา
คือ ครั้งนี้คนน้อยมากๆ อยากจะถ่ายรูปตรงไหน มุมไหนก็ถ่ายได้แบบส่วนตัวสุดๆไปเลย (แบบว่าไม่ติดคนเดินผ่านไปผ่านมาหรือคนแยกกันถ่ายรูปประมาณนั้น)
เอาล่ะ!! ในเมื่อเรามาถึงที่หมายกันแล้ว ต่อไปเราไปดูเป้าหมายของเรากันดีกว่า Let’s
go!!
ร้าน Maidreamin
จะอยู่ตรงชั้น 1 ของศูนย์การค้า
หากเดินเข้ามาทางประตูที่เชื่อมกับทางออก BTSเอกมัย
ให้เดินตรงเข้าไปให้สุดทางแล้วเลี้ยวซ้ายมาทางร้านTsuruha (ซูรูฮะ-ร้านขายของญี่ปุ่น)
แล้วเดินไปให้สุดทางเดิน ร้านจะอยู่ขวามือ อยากบอกว่าสีสันสวยงามเชียวล่ะ เป็นร้านเล็กๆน่ารักๆ
มีที่นั่งน้อยไม่เยอะมาก เพราะพื้นที่ร้านค่อนข้างเล็กและจำกัด
อยากจะบอกว่าตอนแรกกะไปถึงตอนร้านเปิด
คือ 11.00 น. แต่พอเอาเข้าจริง วันนี้ดันรถเสีย รถชน เยอะแยะไปหมด
ทำให้เวลาล่วงเลยมาจนถึงบ่ายสองโมงกว่าๆ ทำให้เป็นไปอย่างที่คิดว่า
จะต้องรอคิวนานแน่ๆ และก็เป็นอย่างนั้น ตอนที่เราไปได้คิวที่ 20 ซึ่งต้องรออีกประมาณ 6-7 คิว
เมทที่ร้านบอกว่ารอราวๆ 1 ชั่วโมง ซึ่งเราก็โอเคสำหรับเรื่องเวลา
เพราะรู้อยู่แล้วว่าคนต้องเยอะแน่ๆ เลยจองคิวไป
มาพูดถึงความคิดเห็นก่อนถึงคิวกันดีกว่า
ตอนที่เราไปไม่เห็นคนต่อคิวรอหน้าร้าน เราก็เลยไปยืนๆรอ ซักพักก็มีเมทออกมารับลูกค้า
ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในนั้น สุดท้ายแล้วเราก็ได้คิวที่ 20 มาครอบครอง ว่ะฮะฮ่า!!
รอ...รอ...รอ...จู่ๆท้องก็ร้อง
แบบว่าหิวอ่ะ หลังจากที่ได้รับคิวมาแล้ว เราก็ไปเดินเล่นรอเวลาเข้าร้าน
แต่พอเดินไปซักพักท้องก็เริ่มจะส่งสัญญาณว่าหิวไม่ไหวแล้ว
เลยตัดสินใจเดินไปที่ร้าน เพื่อสอบถามความคืบหน้า คำตอบคืออีกประมาณ 3 คิว ซึ่งทำให้เราประมาณการณ์ว่าควรไปเดินหาะไรรองท้องก่อนซะแล้ว
จำได้ว่าตอนนี้ร้าน KFC มีเมนูใหม่ เป็น “ไก่จักรพรรดิ์”
เลยแวะลงไปลิ้มลองที่ร้าน KFC ชั้นล่างซะหน่อย
ไปถึงก็จัดเลย “ไก่จักรพรรดิ์
1 ชิ้น ทานที่นี่ค่ะ” หมดไป 37 บาทค๊าบบบบ
เวลามีไม่มาก ต้องรีบทาน
เดี๋ยวเผื่อถึงคิวแล้วน้องเมดโทรมาเรียกจะไปเข้าร้านไม่ทัน จัดการกับไก่ตรงหน้าก่อนเลยดีกว่า
><
หลังจากนี้เป็นความชอบส่วนบุคคลนะคะ
คือแบบว่ากัดเข้าไปคำแรก รู้สึกถึง “ผงชูรส” อย่างแรกเลยค่ะ
ลิ้นสัมผัสได้ว่าผงชูรสเยอะจริงๆ แล้วก็เป็นรสออกเค็มๆพอมีรสชาติ
เอาเป็นว่าไม่ค่อยถูกใจเราเท่าไหร่
แต่สำหรับคนที่ชอบทานรสจัดๆแบบว่าเค็มนำอะไรพวกนี้ก็น่าจะชอบนะคะ
จบเพียงเท่านี้ก่อนค่ะ เพราะว่าน้องเมดที่ร้านโทรมาตามพอดี รองท้องไปหน่อย
ค่อยดีขึ้นมาหน่อย ไปเข้าร้าน Maidreamin กันดีกว่าค่ะ
ภายในร้านจะมีสองชั้นค่ะ
ซึ่งด้านบนจะเป็นแบบ VIP คือเสียค่าบริการ 100 บาท ถ้าใครชอบความเป็นส่วนตัวก็แนะนำแบบ VIP นะคะ ส่วนเราเลือกแบบธรรมดา
ราคา 50 บาทก็พอแล้ว ^^
ด้านล่างคาดว่าน่าจะรอรับลูกค้าได้ถึง
20
คน ตามปริมาณจำนวนโต๊ะเก้าอี้ แต่ส่วนใหญ่จะมาไม่เกิน 6 คน เราได้ที่นั่งแบบนั่งสองคน ซึ่งไปคนเดียวก็นั่งคนเดียว
จะว่าไปร้านน่ารักดีค่ะ ที่สำคัญให้บริการดีด้วย ^^
เมื่อได้ที่นั่งเรียบร้อยแล้วจะมีน้องเมดเข้ามาคุกเข่าพร้อมกับเทียนแบบนี้
แล้วก็จะให้เรานับถอยหลัง เพื่อเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน
เมื่อพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลยค่ะ 3..2..1 เทียนได้ถูกจุดขึ้นแล้ว
หลังจากนั้นน้องเมดก็ชี้แจงกฎของทางร้านค่ะ
- ถ่ายภาพได้แต่อาหาร
- ห้ามทำความรบกวนใดๆ
- ห้ามสัมผัสเมด
- ห้ามให้ของขวัญเมด
- ห้ามถามข้อมูลส่วนตัวเมด
- ห้ามชวนเมดไปทำงานหรือกิจกรรมอื่นๆ
อารมณ์ประมาณว่า
“อย่า” มากกว่าห้ามนะคะ :)
สิ่งที่ประทับใจมากๆคือ
เท่าที่อ่านรีวิวมาจะเรียกลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการว่า “นายท่าน” “นายหญิง” “คุณหนู”
แต่ไม่นึกว่าน้องเมดจะเรียกเราว่า “คุณหนู” แบบว่าความรู้สึกลอยเลยค่ะ
ไม่เคยได้เป็นคุณหนูมาก่อน เจอแบบนี้ โลกแห่งความฝันชัดๆ แต่รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกค่ะ
“คุณหนู” “คุณหนู” “คุณหนู” >__<
เมื่อแนะนำกฎของทางร้านและเมนูอาหารเรียบร้อย
น้องเมดก็ให้เวลาเราในการตัดสินใจเลือกเมนูค่ะ
โดยทิ้งท้ายก่อนไปว่าถ้าต้องการสั่งอาหารให้บอกว่า “เนี๊ยว...เนี๊ยว”
พร้อมกับทำท่าแมวกวักค่ะ น่ารักสุดๆไปเลย ><
อันนี้เป็นกล่องใส่ออเดอร์ค่ะ
:)
นั่งดูเมนูไปซักพัก
ก็ได้เมนูในใจแล้วค่ะ แล้วเราก็ทำอย่างที่น้องเมดบอกคือ “เนี๊ยว...เนี๊ยว”
พร้อมทำท่าแมวกวัก ก็มีคนมองนะคะ (แอบเขิน >///<)
แต่ทำไงได้ โต๊ะไหนๆที่จะสั่งอาหารหรือเรียกใช้บริการก็ทำเหมือนกันหมด อิอิ
เราสั่งเป็นเมนูของหวาน
เป็นชุดเค้กค่ะ ราคา 160 บาท ถามว่ารออาหารนานมั๊ย
ก็นานพอที่จะได้เห็นบรรยากาศและการทำอาหารหลากหลายเมนูภายในครัวค่ะ
เพราะว่าที่นั่งที่เรานั่งนั้น อยู่หน้าครัวพอดีเลย ภายในครัววุ่นวายสุดๆไปเลยค่ะ
ก็เป็นกำลังใจให้ทำอาหารออกมาเต็มที่นะคะ ^0^
เวลาผ่านไปซักพัก
เมนูอาหารก็มาเสิร์ฟค่ะ น้องเมดมาทำให้แปลกใจอีกแล้ว ><”
จานนี้น่ารักสุดๆ
วาดรูปให้เค้าด้วย ><
ก่อนทานน้องเมดจะร่ายมนต์ให้เราได้ทานอาหารจานนี้อย่างเอร็ดอร่อย
โดยมีท่าหัวใจร่ายมนต์(ตั้งชื่อให้เองนะ ><)ให้เราทำตามไปพร้อมๆกันค่ะ
^^
เค้กมะพร้าวค่ะ :)
ตอนแรกแอบเสียใจเล็กน้อยค่ะ
เพราะตอนแรกที่สอบถามว่าในเมนูเป็นเค้กอะไร น้องเมดบอกว่า “เค้กอัลมอนต์”
ก็เลยตกลงสั่งเมนูนี้ไปค่ะ แต่ตอนเมนูมาเสิร์ฟกลับเป็นเค้กมะพร้าว ซึ่งก็ไม่ได้อะไรนะคะ
แค่แบบว่าทานแล้วมันติดเหล็กติดฟันเยอะพอสมควร แต่ก็อร่อยดีค่ะ ^^
หลังจากค่อยๆทานไปเรื่อยๆ
ก็รู้สึกว่ามันอร่อยขึ้นเรื่อยๆ อาจเพราะมนต์ที่น้องเมดร่ายให้ก็ได้นะ ><
แล้วเราก็ได้สังเกตบรรยากาศภายในร้าน
ชั้นบนคาดว่าน่าจะนั่งได้ประมาณ 7-8 ที่นั่ง
บันไดเดินขึ้นชั้นบน ค่อนข้างลำบาก เพราะเป็นบันไดวน แต่ตกแต่งได้น่ารักดีค่ะ
ภายในครัวก็ค่อนข้างจะวุ่นวายเพราะออเดอร์มีเข้ามาตลอดและอาหารทำจานต่อจานค่ะ
รับรองว่าทำสดใหม่และใส่ใจทุกเมนูจริงๆค่ะ
แล้วเราก็สังเกตว่ามีคนสั่งเมนูเดียวกับเราอยู่เยอะเหมือนกันและเค้กแต่ละจานก็แตกต่างกันออกไป
ไม่ซ้ำเลยซักจาน เค้กอัลมอนต์มีจริงๆค่ะ แต่ของเราได้เป็นเค้กมะพร้าว
แอบอิจฉาคนที่ได้ชีสเค้กไปนานด้วยแหละ แบบว่าชอบชีสเค้กอ่ะนะ ><
เมื่อทานเสร็จแล้ว
ก็เรียกน้องเมดให้คิดเงินค่ะ แต่เดี๋ยวก่อน จะให้มาแล้วกลับไปธรรมดาหลอ ไม่ใช่ปอยแน่ๆ
งบน้อยค่ะ เลยไม่ได้สั่งออมเล็ตจัมโบ้
ที่มีความพิเศษขึ้นมาคือได้ถ่ายรูปโพราลอยด์กับน้องเมดและได้ต่อเวลาเพิ่มขึ้นอีกครึ่งชม.
ดีใจตรงที่ทางร้านมีบริการถ่าบภาพกับน้องเมดค่ะ คิดราคา 100 บาท ก็จัดไปค่ะ ><”
รูปโพลาลอยด์ที่ถ่ายคู่กับเมดที่เข้ามาบริการเราเป็นอย่างดี
ตลอดเวลาที่อยู่ในโลกแห่งความฝันนี้ค่ะ ^__^