วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ครั้งแรกกับการทำ Passport !!


ได้ฤกษ์ไปทำ Passport กันซะที !!
หลังจากที่มีแต่ความคิด แต่วันนี้เอาจริง 
ไปกันเลย !!

ก่อนอื่นก็ต้องเตรียมตัวและเอกสารกันซะหน่อย 
สมัยก่อนเนี่ย ต้องใช้ทั้งรูป ทั้งเอกสาร
แต่สมัยนี้ (เด็กเนอะ!!)
ใช้แค่ "บัตรประชาชน" ใบเดียว!!
ไม่ผิดหรอกค่ะ บัตรประชานเพียงใบเดียวเท่านั้น
(ในกรณีประชาชนทั่วไปนะคะ ไม่รวมข้าราชการหรือกรณีอื่นๆ 
เช่น ถ้าเปลี่ยนชื่อต้องมีเอกสารมาเพิ่มเติมค่ะ)

อย่างเรายังเป็นนักศึกษาก็ใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียวปกติค่ะ ^^

เตรียมตัวเสร็จ ก็ได้เวลาไปทำ Passport กันซะที

กรมศุลกากร แจ้งวัฒนะ

ศุกร์ที่ 22 พ.ย. 56 
ปอปอยตะลุยโลกกว้าง 555 

เราไปทำ Passport ที่กรมศุลกากร 
ซ่ึงมัน...ใกล้บ้านมาก
แต่...ไม่เคยไป อย่างมากก็แค่เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
ทำให้...เกือบหลง 555

ไปดูแผนที่กันเลย!!

แผนที่ไปกรมศุลกากร แจ้งวัฒนะ

โก๊ะๆงงๆ ก็โดดขึ้นรถเมล์ฟรีมา แล้วต้องไปต่อรถที่ปากเกร็ด
ตรงปากเกร็ดนั่งสาย 52 มาต่ออีกทีก็จะผ่านหน้ากรมศุลกากร...พอดี ^^

กรมศุลากร

ตึกรูปทรงแปลกๆ ใหญ่อยู่นะ ^^
เข้าไปข้างในกันเลยดีกว่า
ทางเข้า กรมศุลกากร

ที่ที่จะไปทำ passport จะต้องเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้น 2 
อยู่ทางด้านซ้ายมือ เลี้ยวเข้าไปโล้ดดด ^0^!!


ทำ passport ทางนี้ๆ

เข้าช่องต่อแถว ยื่นบัตรประชาชนได้เลย ตรงนี้ ^^



 หลังจากนี้ ห้ามถ่ายรูป ><"
เลยได้แต่มาบอกเล่ารายละเอียดขั้นตอนหลังการยื่นบัตร รับบัตรคิวและเข้าไปทำ Passport นะคะ

เมื่อเราได้รับบัตรคิวแล้ว (วันที่ไปคนไม่เยอะ)
เดินตรงเข้าห้องไปด้านใน
เริ่มที่ : วัดส่วนสูง 
แล้วก็จะได้รับหมายเลขของโต๊ะที่นั่งทำ Passport

พอมาถึงตรงนี้จะเป็นเรื่องของงานเอกสาร
ก็มี "ถามข้อมูล ชื่อ สกุล ถูกต้องหรือไม่"
"เซ็นรับรองความถูกต้อง"
--------------------------------------------

แล้วก็ "บันทึกลายนิ้วมือ"
ในตอนนี้เป็นเทคโนโลยีใหม่แล้ว
ไม่ต้องใช้หมึกปั๊มมือให้มือเลอะ
แค่เอานิ้วมือวางลงแผ่นสแกน ก็สามารถบัยทึกลายนิ้วมือได้แล้ว
โดยทำ 3 ครั้ง
1. ใช้ 4 นิ้ว ชี้ - กลาง - นาง - ก้อย ข้างขวา
2. ใช้ 4 นิ้ว ชี้ - กลาง - นาง - ก้อย ข้างซ้าย
3. ใช้ 2 นิ้ว โป้งทั้ง 2 ข้าง
--------------------------------------------

จากนั้นเขาจะให้เราเลือกว่ามารับด้วยตัวเองหรือให้ส่งไปรษณีย์ค่ะ
ซึ่งถ้ารับด้วยตัวเองจะใช้เวลาหลังจากทำบัตร 3 วันค่ะ
ส่วนทางไปรษณีย์จะเสียค่าบริการ 40 บาท จะได้รับหลังจากวันออกบัตร เพิ่มไปอีกภายใน 7 วันค่ะ
ทำให้ได้รับไปรษณีย์ ใช้เวลาราวๆ 10 วัน

--------------------------------------------

และสุดท้าย ถ่ายรูป!!
สมัยนี้ไม่ต้องถ่ายมาก่อน หรือถ้าผิดพลาดยังไงก็ต้องหาที่ถ่ายรูปใหม่
ซึ่งต้องต่อแถวคิวยาวและรอนาน
แต่เดี๋ยวนี้ทุกโต๊ะ ย้ำ!! ทุกโต๊ะ จะมีกล้อง DSLR วางอยู่
เพื่อใช้ถ่ายรูป เพียงแค่ถอยหลังให้ติดผนังด้านหลังก็ถ่ายรูปได้เลย

บอกก่อนเลยว่า แต่งชุดแต่งหน้ามาเต็มนะ
สรุป...ภาพที่ได้มีแค่...หน้ากับผม
แถม!! สีขาวดำอีกต่างหาก 
แล้วฉันจะแต่งมาทำไมกัน =_____="
--------------------------------------------

ต่อไปเป็นส่วนของการเสียค่าธรรมเนียม ซึ่งต้องเดินไปอีกส่วนหนึ่งของห้องเป็นส่วนสุดท้าย
เสียค่าธรรมเนียม 1000 บาท
* มีซองใสใส่ Passport ราคา 20 บาทให้บริการด้วยค่ะ

รับใบเสร็จ เสร็จเรียบร้อยค๊าบบบบ 

--------------------------------------------

แล้วไว้ได้ Passport มาแล้ว
จะมาแปะให้ชม วู้วววว ^0^






Movie : ต่อแถวดูฟรีกับ Catching Fire !!

ตื่นเต้น นะคร๊าบบบบ!!
วันนี้เป็นวันแรกที่ The Hunger Games : Catching Fire เข้าโรง (21พ.ย.56)

The Hunger Games : Catching Fire


แต่สิ่งที่พิเศษไปกว่านั้น คือ วิธีการที่จะได้ตั๋วมา !!
คราวนี้ได้รับคำชวนจากพ่อหมีให้ไปดูหนังเรื่องนี้ด้วยกัน
แต่การจะดูต้องแลกด้วยอะไรบางอย่าง??

สิ่งนั้นคือสิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือ Product ของ KTB
หรือธนาคารกรุงไทยนั่นเอง!!
โดยแสดงบัตรสมุดบัญชีหรือบัตรของธนาคาร หน้าจุดรับลงทะเบียน
รับไปเลยตั๋วหนัง 1คน/2ที่นั่ง ไปแบบฟรีๆ 



การจะได้ตั๋วหนังมาในครั้งนี้ 
ถือเป็นประสบการณ์ใหม่และครั้งแรกที่ได้ทำอะไรแบบนี้ ><
เพราะปกติดูหนังบ่อยๆ ก็แค่เดินไปตีตั๋วดูหนังหรือจองผ่านเน็ตเท่านั้น
แต่ครั้งนี้...แปลกไป

เอาล่ะ!! ไปดูกันดีกว่าว่าเราจะได้ดูหนังหรือมั๊ย 555

เวลาเปิดรับลงทะเบียน คือ เวลา 19.30 น. 
ในงาน "Love Movie Love KTB : KTB Lounge Opening Party" 
ณ โรงภาพยนตร์ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ @ สยามพารากอน

เรามาถึงที่จุดรับลงทะเบียน เวลา 5 โมงเย็น

ปรากฎว่า เจอแถวต่อคิวยาวขนาดนี้ซะแล้ว =[]=!! 

หัวแถวอยู่หน้า McDonald's นะฮะ ><"


ตกใจไปก็เท่านั้น เพราะไม่ได้คิดว่าต้องเป็นคิวต้นๆ
แต่คิดในหัวอย่างเดียวว่าจะได้ดูหนังรึเปล่า 555

มาต่อแถวคนเดียว เหงาๆก็ได้แต่นั่งเล่นมือถือกันไป
แต่ได้กลุ่มคุณป้าที่เล่นหุ้นมาต่ออยู่ข้างๆ ที่มาเดินงาน SET in the city
เลยได้เสียงหัวเราะขึ้นมาหน่อย ป้าๆคุยกันสนุกมากเลย ^^

เวลาประมาณ 17.30น. คนเริ่มเยอะ
เลยมีการขยับแถวให้มาอยู่เลนกลาง เพื่อให้พื้นที่กว้างขึ้นและหางสั้นลง
ลุกๆนั่งๆกันหลายรอบเลยทีเดียวล่ะ


ย้ายมาอยู่ตรงกลาง

ยิ่งเย็นคนยิ่งเยอะ เจ้าหน้าที่คุมงานก็เลยให้ขนมมาเป็นลูกอม 2 เม็ด
พร้อมกับพูดว่า "อมลูกอมให้ใจเย็นก่อนนะคะ" 
อย่างน้อยเขาก็ดูแลคนต่อคิวนะ ^^

ลูดอม อมแล้วใจเย็น ^^

จนเวลา 17.50 น.
เจ้าหน้าที่ก็เริ่มแจกบัตรคิว เย้ๆๆ ^0^


บัตรคิวเบอร์ 61

ณ ตอนนี้เห็นได้เลยว่าหางแถว ตัดขึ้นมาต่อขนานกับหัวแถวเลยล่ะ
คนเยอะสุดๆ ><"


คนเยอะมากๆ

ตอนนี้เวลาประมาณ18.00 น. เวลาเลิกงานของพ่อหมีแล้ว
ใกล้ได้เจอกันแล้วล่ะ ><"

ในที่สุดแถวก็ขยับจนกระทั่งใกล้ถึงจุดรับลงทะเบียน
โดยก่อนหน้าเราจะถึงโต๊ะไม่นาน พ่อหมีก็เดินทางมาถึง
พร้อมกับเสบียง เผื่อหมูตัวนี้หิว 555
ขอบคุณสำหรับเสบียงนะคับ ^^


ป้ายหน้าจุดรับลงทะเบียน

ในที่สุดก็ถึงโต๊ะลงทะเบียน ตื่นเต้นจัง ><"
เพราะเราไม่มีสิทธิเลือกได้เลยว่าจะนั่งตรงไหน
ได้แต่ลุ้นๆๆ
"ขอให้ได้ที่นั่งดีดี~"


โต๊ะรับลงทะเบียน

ขอบคุณ KTB

ได้มาแล้ว บัตรชมภาพยนตร์ เย้ๆๆ ^0^!!
นอกจากบัตรชมหนังแล้ว ยังได้ส่วนลดสำหรับชุดป๊อปคอร์นอีกด้วย

บัตรชมภาพยนตร์ และส่วนลดป๊อปคอร์น

กว่านั้นจะฉายก็ 20.30น. แน่ะ!!
เหลือเวลาอีกตั้งชั่วโมง เลยไปเดินเล่นงาน SET in the city รอ ^^

แล้วก็มาถ่ายรูปแช๊ะๆก่อนเข้าโรงซะหน่อย

มุมถ่ายรูป :)

ปลาบปลื้มกับนางมาก หน้าผมเป๊ะ ชุดและเครื่องประดับสุดแจ่ม

เวลา 20.30 น. หลังเริ่มฉาย
เข้าโรงแล้วสรุปได้นั่งตรงกลาง ออกบนๆด้วยซ้ำ
ปลื้มมาก เพราะได้ที่นั่งดี
ตอนแรกนึกว่าแถว F แล้วจะล่าง อิอิ

The Hunger Game : Catching Fire
ขอให้สนุกกับการดูหนังนะคะ ^^



โมเดลสวยๆหน้าโรงหนัง :)

Link ภาพบรรยากาศงาน "Love Movie Love KTB : KTB Lounge Opening Party" 
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.10152390060208916.1073741869.178373518915&type=1

วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Travel : นาทีนี้...ที่เกาะล้าน

เราไม่ได้ท้าทายพาดหัวข่าว "เรือโดยสาร เกาะล้าน พัทยาล่ม!!"
เพียงแต่วางแพลนไว้ว่าจะไปเที่ยวทะเลกันตอนหน้าหนาว 
เนื่องมาจากว่าเที่ยวหน้าร้อนไม่สำเร็จ ดันติดหน้าฝน เที่ยวทะเลตอนฝนตก มันไม่ใช่อ่ะ!!
สุดท้ายก็มาลงตัวกันที่ 16-17พ.ย.56 ที่ผ่านมา
แต่ข่าวก็มาเกิดขึ้นซะก่อน แล้วยังไง...เดินหน้าเที่ยวสิ อิอิ

ทริปพัทยาหลายๆคนคงเที่ยวกันมาหมดแล้ว 

แต่สำหรับเราครั้งนี้ถือเป็น ครั้งแรก!!
ที่จะได้ไปสัมผัสความสวยงามของ เกาะล้าน


หาดเทียน @ เกาะล้าน


16 พ.ย. 56
เวลา 14.00 น. ณ ท่าเรือไปเกาะล้าน

เรามาถึงท่าเรือด้วยเวลาเฉียดฉิวมาก เพราะนั่งสองแถวมาลงถนนใกล้ๆ
ทำให้ต้องรีบเร่งฝีเท้ากันสุดๆเพื่อเดินไปให้ถึงท่าเรือให้ทันเรือออกรอบ14.00 
แค่เดินมาจากถนนว่าเหนื่อยแล้ว ยังต้องรีบไปให้สุดท่าเรือเพื่อขึ้นเรืออีก ไกลจัง =[]=!!
พอถึงท่าเรือ หอบกันแฮ่กๆ จับเข่าพักเหนื่อยซะหน่อย เงยหน้ามา
โอ้ววววว คนเยอะมากจ้า !!

จากท่าเรือ มองย้อนไปเห็นป้าย PATTAYA city ด้วย



เราก็ได้แต่กระโดดลุ้นๆไปมา ว่าจะได้ขึ้นเรือทันรอบ 14.00 รึเปล่า
ก็ได้ยินเสียงคนประกาศว่า "คนมีตั๋วขึ้นก่อน"
แล้วไหนล่ะ ตั๋วของฉัน ?? 
ไม่มี ฮืออออ T[]T!!

ก็เลยได้เวลาเสี่ยงดวงกันล่ะคราวนี้ ลุ้นกันว่าจะได้ขึ้นเรือรอบนี้หรือไม่!!!
จนกระทั่งแถวเคลื่อนไปจนถึงคนเก็บตังค์ขึ้นเรือซะที
"อีก3คนเท่านั้น" เสียงนี้ทำเอาเราดีอกดีใจมากมาย
แบบว่า...ฉันเป็น1ใน3คนที่ได้ขึ้นเรือรอบนี้ ไม่ต้องรอรอบบ่าย 3 เย้ๆๆ ^0^!!

สุดท้ายก็ได้นั่งเรือข้ามไปเกาะล้าน ^^
เนื่องจากมีข่าวเรือล่มไปสดๆร้อนๆ เลยมีการคุมเข้มเรือความปลอดภัยเป็นพิเศษ
จะเห็นได้ว่าทุกคนบนเรือ ต้องสวมเสื้อชูชีพกันทุกคน แต่บางคนพอเรือออกก็ถอด
 อันนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคลแล้ว แต่ละคนก็มีความมั่นใจในการใช้ชีวิตต่างกัน

ภายใต้เสื้อชูชีพนั้นไม่โดนลมร้อนมากเชียวล่ะจ้า ^^"


จัดแจงสวมเสื้อชูชีพกันให้เรียบร้อย เพื่อความปลอดภัย



นั่งเรือประมาณครึ่งชั่วโมง ในที่สุดเราก็ถึงเกาะล้าน
เดินไปตามสะพานจนสุดทาง เราจะพบกับคนมากมายที่มาเสนอรถโดยสารท่องเที่ยวบนเกาะล้าน


ร้านขายของที่ระลึก



 ในตอนนี้ต้องคำนวนดีดีว่าจะไปไหนยังไง
ส่วนตัวแล้วทริปนี้เราอยากไป 3 หาด ได้แก่ หาดเทียน หาดสังวาลย์และหาดตาแหวน
ถ้านั่งวินไป-กลับก็หลายตังค์ เลยตัดสินใจ เช้ามอเตอร์ไซต์ขับบนเกาะ 
เด็กแว๊นมาแล้วจ้า!! จริงๆเป็นสก๊อยซ้อนท้ายมากกว่า ><"

บนเกาะล้าน มีวินมอเตอร์ไซต์รับจ้างพาเที่ยวและ
มีมอเตอร์ไซต์ในเช่า ราคา 200 บาท/คัน
คุยดีดี คนให้บริการใจดีน่ารัก ก็จะได้ในราคา 150 บาท แบบเรา อิอิ
หลังจากจัดการจ่ายเงินเรียบร้อย เขาก็จะให้กระดาษแผนที่บนเกาะมาให้
แต่แนะนำดูป้ายเอาดีกว่า ดูแผนที่แล้วเรางง 555
เอาล่ะ ตอนนี้มีรถแล้ว ไปลุยกันเล้ยยย !!


แผนที่บนเกาะล้าน


จะว่าไปแล้วบนเกาะล้าน อ่านแค่ป้ายก็ไปไม่ถูกอ่ะ
แบบพอถึงทางแยกแล้วไม่เจอหาดที่เราจะไป
เราก็ต้องใช้ "ปาก" ถามทางเอาเนี่ยแหละจ้า 555

หลังจากมาถูกทาง มุ่งหน้าไป หาดเทียน
พอขึ้นเนินสูงๆก็จะผ่านจุดชมวิว
ตรงนี้สามารถจอดรถไว้ด้านล่างได้และมีคนคอยดูแล
ค่าชมวิว ส่วนบุคคลนี้ ค่าเสียหาย 10 บาท/คน เพราะส่วนนี้เป็นที่ส่วนบุคคล


เดินขึ้นไป 60 เมตร

เมื่อขึ้นถึงยอด เราจะมองทิวทัศน์ได้ทั่วเกาะเลย 
สวยอ่ะ ชอบน้ำทะเลสีแตกต่างกันเนี่ยแหละ
ณ ตอนนั้นเรามองเห็นฝนตกในทะเลไกลๆ ก็ได้แต่หวังว่าลมจะไม่พัดฝนมาทางนี้
ไม่งั้นเที่ยวไม่สนุกแน่ สุดท้ายท้องฟ้าก็สดใสตลอดทริปนะจ๊ะ อิอิ



มุมมองบนจุดชมวิว


เรามีเวลาไม่มาก ก็ต้องมุ่งหน้าไปยังที่หมายแรกที่ตั้งใจ
นั่นก็คือ หาดเทียนของเรา ต้องรีบไปต่อแล้ว >w<

ขับไปตามทางเรื่อยๆ สำหรับมอเตอร์ไซต์เกียร์ออโต้
ต้องระวังหน่อยนะ ทางค่อนข้างลาดชัน เห็นแล้วเสี้ยวๆ
แถมไม่ชินเส้นทาง เจอพวกพี่วินขับเร่ง บีบแตรตามจี้ตูดก็เสี้ยวชนเหมือนกัน
คนที่ชินเส้นทางที่นี้จะขับรถเร็วต้องระวังกันด้วย

ในที่สุดเราก็มาถึงหาดเทียนแล้ว ^__^


ตรงที่จอดรถจะมีบอกอยู่ว่าเป็น "หาดเทียน"


หากมองจากตรงที่จอดรถจะมองไม่เห็นสะพานปูนที่ใช้เป็นทางเดินเข้าไปในหาด
แต่จะมองเห็นน้ำทะเลสีสวยแบบนี้ ><

วิวตรงจุดจอดรถ ณ หาดเทียน


เดินถัดไปซักนิดจะเจอกับสะพานปูนที่ใช้เป็นทางเดินเข้าไปถึงหาดเทียน
ช่วงเส้นทางบนสะพาน ต้องระมัดระวังในการเดิน 
เนื่องมาจากขอบกั้นนั้น พังเป็นช่วงๆ ระวังผลัดตกสะพาน

มุมสุดฮิตบนสะพานนี้ต้องแวะถ่ายรูปสวยๆกันนะ ไม่งั้นเหมือนมาไม่ถึง ^^

บางช่วงของสะพานข้ามนั้น พังทลาย อาจเพราะหินบนเขาถล่มลงมา
ทำให้สะพานพัง ต้องมีเดินขึ้นเดินลงด้วยสะพานไม้ชั่วคราว ซึ่งค่อนข้างอันตราย
ระวังกันดีดีเน้อออ ด้วยความปรารถนาดี ^^"

สะพานปูน ทางเข้าไปหาดเทียน


สัมผัสแรกที่ได้เหยียบพื้นทรายของหาดเทียน คือ เจ็บเท้าจัง ><"
หาดทรายที่นี่เป็นทรายกรวด เนื้อหยาบ เพราะงั้นเลยทำให้เจ็บเท้าไปบ้าง แต่ก็ขัดเท้าดีนะ 555

 จุดเด่นของหาดนี้อยู่ที่ "ความเงียบสงบของคนและคลื่น"
ความเงียบสงบของคน คือ คนไม่พลุกพล่าน อยู่กันเงียบๆไม่ส่งเสียงดัง ที่สำคัญคนน้อย ^^
ส่วนความเงียบสงบของคลื่นก็ตามนั้น คลื่นน้ำพัดเบาๆ ให้ความรู้สึกนุ่มๆของทะเล

พื้นทรายในทะเลของหาดนี้ ยิ่งใกล้ฝั่งยิ่งลึกและทรายหยาบ
เมื่อเดินออกห่างจากฝั่งไปซักระยะ จะเป็นเนินทรายสูงๆและทรายเนื้อละเอียด
เวลาเล่นน้ำต้องระวังน้ำขึ้นด้วยนะ เดี๋ยวจะกลับฝั่งไม่ทันเอา ><"

เล่นน้ำกันซักพัก ก็ได้เวลาไปหาดอื่นกันต่อ
คราวนี้เรามุ่งหน้าไป หาดตาแหวน หาดสุดฮิตที่เป็นที่รู้จักกันดี
ระหว่างทางต้องขับผ่านจุดชมวิวที่มีราวเหล็กกั้นและเก้าอี้ให้ได้นั่งสวีทกันเป็นระยะ 
แต่ด้วยเวลาอันจำกัดก็...ข้ามมันไป 555

การเดินทางจากหาดเทียนไปหาดตาแหวนต้องย้อนกลับเส้นทางเดิมตรงท่าเรือ
จึงเริ่มขับมาอีกทางได้ บางทีก็น่าจะมีถนนเลียบหาดนะ แต่ดีแล้ว คงไว้ซึ่งธรรมชาติ ^^

ในที่สุดเราก็มาถึงหาดตาแหวนแล้ว

โอ้แม่เจ้า!!

คนเยอะมว๊ากกกก =[]=!!
เตียงผ้าใบเยอะมว๊ากกก =[]=!!
ร่มชายหาดเยอะมว๊ากกก =[]=!!
ร้านอาหาร ที่พัก เยอะมว๊ากกก =[]=!!
อะไรๆดูเยอะมว๊ากกก =[]=!!


ที่หาดนี้คนเยอะมากทำให้มีที่จอดรถค่อนข้างแออัด
แต่ก็ยังจัดไว้เป็นหมวดหมู่ดี ทำให้จอดง่าย
และสามารถขับเข้า-ออกได้สะดวก


คนที่เดินทางมาหิวเนี่ย คงจะถูกใจกันยกใหญ่ ^^"

อาหารรถเข็นมีให้เลือกซื้อหลายร้าน

ข้อดีของหาดตาแหวน คือ หาดทรายสีขาวเนื้อละเอียดมาก
เหยียบบนทรายแล้วให้สัมผัสที่นุ่มสุดๆ ><



บริเวณชายหาด @หาดตาแหวน


หาดตาแหวน เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบเล่นกีฬาทางน้ำ
ที่ต้องอาศัยคลื่นลมแรงๆ เพราะทะเลที่หาดนี้ คลื่นแรง มากๆ
เราลงไปเล่นที ไม่ทันตั้งหลังก็ถูกคลื่นซัดเต็มๆ ทั้งกลิ้งทั้งล้มเลยล่ะ 555
ไม่ก็คลื่นลูกใหญ่มาก พัดมาทีลืมกระโดดก็มิดหัวฉันเลย ><"


ห่วงยางน่ารักๆมีให้บริการ ^^


เท่าทีได้สังเกตกลุ่มนักท่องเที่ยวแล้ว แตกต่างจากหาดเทียนนะ
หาดเทียน นักท่องเที่ยวจะมาเผื่อพักผ่อนในบรรยากาศเงียบๆ
และนอนอาบแดดกันเป็นส่วนใหญ่

ส่วน หาดตาแหวน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาเล่นน้ำ โต้คลื่น
กลุ่มวันรุ่นจะพากันมาถ่ายรูป สาวๆสวมบิกินี่สีสันสดใสมาประชันกัน


มีแต่คนเป็นคู่ลงเล่นทะเลนะที่หาดนี้ >//<


เจอคลื่นซัดไปซัดมา ทำเอาตัวโยกเยกเลย 555
หมดเวลาแล้ว เราต้องรีบบึ่งรถกลับไปท่าเรือ
เพื่อให้ทันเรือรอบสุดท้าย 18.00น.

เราเอารถไปจอดไว้ตรงเซเว่นก่อนถึงท่าเรือเพราะกะว่าจะเดินเล่น
หาไรทานกันนิดหน่อยก่อนขึ้นเรือ 

สะดุดตากับร้านปิ้งหอยหน่อยๆ
คนมุงเยอะเหลือเกิน


หอยฝาใหญ่เบิ้ม!!


คนมุงเต็มเลย



แต่เดินดูแล้วไม่ค่อยมีอะไร เลยเอารถไปคืนเลยดีกว่า
เวลาตอนนั้น 17.03น. ก็เลยเดินไปตรงที่เรือจอดเพื่อต่อคิว
ไปถึงดันไม่มีคนต่อคิว ผิดคาดแหะ นึกว่าคนจะเยอะ
เลยถามพี่เขาว่าเรือจะออกกี่โมง ได้รับคำตอบว่า 17.30น.

ณ จุดนี้ งงค่ะ ไหนว่ามีรอบ 17.00แล้วก็ไป 18.00
ในเมื่อมีรอบ 17.30 ก็จ่ายตังค์โดดลงเรือเลยดีกว่า
คนน้อย ได้เลือกที่นั่ง ขามานั่งกลางเรือ ร้อนสุดๆไม่โดนลมเลย

พอมีโอกาสได้เลทอกที่นั่งก็ขอด้านบนแล้วกัน 
วิวสวย ลมพัดเย็น ห้อยขา ดูเกาะล้านห่างออกไป
แบบนี้แหละใช่เลย ^^

ฟ้าปิดไปหน่อย แล้วก็อยู่คนละด้านกับพระอาทิตย์
เลยไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกดินเลย ><"

ขึ้นเรือก็ ใส่เสื้อชูชีพ ให้เรียบร้อย เพื่อความปลอดภัย
ทริปเกาะล้าน แฮปปี้มีความสุขจัง ^__^


ตัวเปียกน้ำทะเลกลับฝั่ง >~<


เดินทางกลับฝั่งโดยสวัสดิภาพ
ต้องมาอีกแน่นอน คราวหน้าจะเที่ยวให้ทั่วเกาะเล้ยยยย !!

Bye Bye Koh-Lan ~~~~