สุขสันต์วันสงกรานต์ ด้วยการเริ่มต้นบล๊อคใหม่ของเรา ฮ่าๆๆๆ
อย่างมองว่ามันไร้สาระนะ เพราะวันนี้เรามีเรื่องราวดีดีมาบอกต่อ
กับการใช้ชีวิตในวันปีใหม่ไทยแบบไม่ไร้ประโยชน์และได้ทำประโยชน์เพื่อสังคมอีกด้วยนะ ^0^
14 เม.ย. 56
วันนี้เรามีแพลนที่จะไปบริจาคเลือดที่สภากาชาดไทย
ซึ่งสถานที่ก็แอบไกลบ้านนิดนึงและไม่เคยไป ทำให้ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ><”
รู้สึกแปลกๆที่วันสงกรานต์ปีนี้อยู่ในกรุงเทพ
ไม่ได้ไปไหน เพราะทุกปีจะไปเที่ยวทะเลประจวบคีรีขันธ์ตลอด
ปีนี้จึงได้สัมผัสและเรียนรู้สภาพของการอยู่ในเมืองช่วงเทศกาลที่คนออกไปต่างจังหวัดหมด
สิ่งที่สัมผัสได้ชัดเจนคือ ถนนโล่งมาก รถไม่ติดเลย
ซึ่งนับว่ากรุงเทพน่าอยู่ขึ้นเยอะ 555 ไม่ได้ว่าปกติไม่น่าอยู่นะ
แต่การที่ใช้ชีวิตอย่างวุ่นวายในกรุงเทพแล้วมาวันนี้
ทำให้รู้สึกว่ากรุงเทพได้รับการพักผ่อน เงียบสงบดี ^____^
เรื่อยเปื่อยมาเยอะแล้ว เริ่มเดินทางกันเลยดีกว่า
Let’s go!!
เอาล่ะ เรามาดูวิธีการเดินทางไปยังสภากาชาดกันเลยดีกว่าค่ะ
วิธีการเดินทางก็ไม่ยากเลย แค่คุณเดินทางไปอยู่ตรง bts
สถานีไหนก็ได้ มุ่งหน้าไปยังBts ศาลาแดง แล้วเดินมาทางประตูทางออกที่ 5 ซึ่งต้องเดินเลาะไปตามสะพานลอยลงมาทางเดินที่ผ่านโรงพยาบาลจุฬาฯ
ไปยังสภากาชาด (อันนี้เราว่ามันยากไปหน่อย สำหรับคนไม่ได้ศึกษาเส้นทางนะ
เพราะเราไปครั้งแรกก็งงๆเหมือนกัน แต่เป็นเพราะเรามีตั๋วเดินทางแบบเที่ยวของbtsไง
ก็เลยมีไว้ใช้ให้คุ้ม อิอิ) แต่ทางที่เราแนะนำให้ไปคือ นั่งรถไฟใต้ดิน MRT ไปลงสถานี
สามย่าน แล้วเดินทะลุตึกจามจุรีสแควร์ทางด้านตึกดีแทค
มันจะเลิศมากๆเพราะสภากาชาดอยู่หลังตึกดีแทคเลย ว้าวๆๆ ><
แต่คราวนี้เรามาทางศาลาแดงนะ
ซึ่งก็ถึงว่าเดินไกลอยู่เหมือนกัน = =”
ในที่สุดเราก็มาถึงสภากาชาดไทย !!
แต่เดี๋ยวก่อน!! มันเป็นแค่ป้ายบอกว่าถึงสภากาชาดไทยแล้ว
แต่ที่นี้ ไม่ใช่ส่วนที่รับบริจาคเลือด เราจะต้องเดินข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม
ซึ่งถ้ามาทาง btsศาลาแดง ก็สจะต้องเดินทางตามเส้นทางนี้
เมื่อข้ามฝุ่งมาแล้ว ส่วนรับบริจาคเลือดจะอยู่ทางซ้ายมือ
และในที่สุด...เราก็มาถึงจุดหมายแล้ว เย้ๆๆ ^0^
ป้ายอาคารโดดเด่นเป็นสง่า
>0< เราเข้าไปข้างในกันเถอะ!!
เมื่อมาถึงข้างในแล้ว
สิ่งที่ต้องปฏิบัติ คือ
หยิบกระดาษมากรอกรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติและตรวจเช็คสุขภาพทั่วไป
ซึ่งโต๊ะกรอกนั้นจะอยู่ถัดเข้าไปหลังบรรไดเลื่อน หรือพูดง่ายๆก็คือ
ตรงเข้าไปข้างในเลยบันไดเลื่อนนั่นเอง (ไม่ได้ถ่ายมาให้ดู เพราะว่าคนเยอะมากๆ ขอโทษนะคะ
><”)
หลังจากกรอกประวัติเสร็จแล้ว
ก็เดินไปวัดความดัน ซึ่งตอนที่ไปเป็นช่วงเกือบๆเที่ยง สำหรับเราถือว่าคนไม่เยอะนะ
ณ จุดวัดความดันโลหิต เพราะต่อแถวละ4-5คน ประมาณ5แถวได้
เพราะเครื่องวัดความดันมีอยู่จำกัด
เมื่อถึงคิวก็เอาแขนเข้าไปในเครื่องให้พอดีกับรอยพับแขน จากนั้นก็นั่งเฉยๆ
เจ้าหน้าที่จะเข้ามาจัดการตั้งค่าเครื่องให้เราเอง ซึ่งก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
เมื่อเสร็จขั้นตอนวัดความดันแล้ว
ก็เดินไปรับคิวใกล้ๆกับจุดลงทะเบียนผู้บริจาคโลหิตหรือตรงช่อง 4นั่นเอง และเราก็ว่ารออีกไม่นานเช่นกัน
ทั้งๆที่ตอนแรกคิดว่าคนเยอะแล้วจะรอนาน แต่กลับไม่ใช่เลย
เจ้าหน้าที่ทำงานกันได้รวดเร็วมากๆ ^^
เมื่อถึงคิวเรียกเข้าห้อง
จะมีพยาบาลบสองส่วน คือส่วนแรกดูเรื่องเอกสาร และสอบถามทั่วไป อย่างเช่น
เมื่อคืนนอนกี่โมง, ทานข้าวมารึยัง แล้วก็คำแนะนำต่างๆสำหรับการบริจาคเลือด เช่น
ดื่มน้ำเยอะๆ ทานข้าวให้อิ่มๆ จะช่วยให้ไม่เป็นลมหลังการบริจาค และส่วนที่2
จะเป็นเรื่องของการตรวจเลือด ซึ่งคุณพยาบาลจะชวนเราคุยเรื่อยๆ แล้วก็เอาสำลีเย็นๆชุ่มๆมาทาที่ปลายนิ้วข้างที่จะตรวจเลือด
จากนั้นจึงใช้ที่กดเข็มเล็กๆมากดที่ปลายนิ้วเรา กึ๊บนึง !! ให้เจ็บเล่นๆ ><”
แล้วบีบเลือดที่ออกจากปลายนิ้วออกมาตรวจว่าเลือดกรุ๊ปอะไร
บริจาคได้รึเปล่า ซึ่งของเรา ผ่านโล้ดด ได้ไปต่อจ้า ฮ่าๆๆ
จากนั้นก็มาต่อรอรับคิวที่ช่อง3 จำไม่ได้ว่ามีป้ายเขียนว่ทาอะไร แต่ประมาณว่า “ทะเบียนผู้บริจาคโลหิต”
ประมาณนี้ ตรงนี้ทำเอาเราตื่นเต้นมากๆเพราะว่าครั้งนี้เป็นการบริจาคเลือดครั้งที่6
ของเรา
และเราคาดหวังว่าจะได้เปลี่ยนจากบัตรกระดาษสีเหลืองน้อยๆเป็นบัตรแข็งซะที >____<
ยืนรอไปซักพักก็ถึงคิว
เจ้าหน้าที่ก็ทำงานรวดเร็วมากๆ ไม่ทันไรเราก็ได้บัตรแข็งมาอยู่ในมือแล้ว แอร๊ยยยย >0<
เดี๋ยวไว้มาเขียนต่อ วันนี้แค่นี้ก่อน
เรื่องราวยังไม่จบ อิอิ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น