นั่งรถไฟไปเที่ยวกันอีกแล้ว หลังจากที่วางแผนกันมาซักพักใหญ่ๆ
(จริงอ่ะ 555) ก็ได้เวลาไปตะลุยเที่ยวกันซะที
ทริปครั้งนี้ของเรา ไปกัน 5 วัน 2 คืน !!! ไม่ผิดหรอก
อิอิ อยากรู้ว่าเป็นยังไงต้องติดตามกันนะ ^^
โดยไปกัน 6-10 ธ.ค. 56
ที่ผ่านมา (กรุงเทพฯ-หนองคาย-เวียงจันทน์/ลาว-ขอนแก่น-กรุงเทพฯ)
ใน Part 1 นี้
จะขอพูดถึง เที่ยว 1 วัน พัก 1 คืน ณ หนองคาย
ก่อนอื่นก็ต้องจองตั๋วรถไฟกันซะก่อน ก่อนที่วันหยุดมันจะทำให้ตั๋วเต็ม
นั่งรถไฟเที่ยวครั้งนี้
ขอไปแบบหรูๆกับรถไฟชั้น 1
ของการรถไฟแห่งประเทศไทยกันซะหน่อย ครั้งแรกเลยนะเนี่ย ><”
ซื้อตั๋วรถไฟไปหนองคาย รอบเวลา 20.00 น. จากสถานีหัวลำโพง วันที่ 19 พ.ย. 56 (เดินทางจริง 6 ธ.ค. 56)
ราคาเตียงล่าง 1,317
บาท / เตียงบน 1,117 บาท ต่างกันอยู่ 200 บาทนะฮับ ^^
6 ธ.ค. 56 : วันเดินทางที่รอคอยมาถึงแล้ว เย้ๆๆ ^0^
|
กลัวคนเยอะ รถติด เลยมาถึงก่อนเวลาเป็นชั่วโมง
555
เดินเล่นถ่ายรูปที่หัวลำโพงไปพลางๆ
ก่อนเดินทางก็หาไรทานกันเล็กน้อยและซื้อของติดกระเป๋า
เผื่อหิวบนรถไฟ ^^
หลังจากจัดที่นอนเรียบร้อยก็โดดขึ้นที่นอนเตียงบนเลย
><”
นอนซุกผ้าห่ม
(Z..z.z)
เจอกันที่หนองคาย ตอนเช้านะคะ ^^
.........................................................................................
7 ธ.ค. 56 ยามเช้า
ลืมตาตื่นขึ้นมาก็สว่างแล้ว
ลุกไปเข้าห้องน้ำตอนเช้า ขอถ่ายรูปซะหน่อย วิวท้ายรถไฟสวยมาก ><”
นั่งชมวิวยามเช้าไปซักพักก็ถึงสถานีรถไฟหนองคายแล้ว
เย้ๆๆ ^0^
จากนี้ไปก็ได้เวลา ตะลุยเที่ยวหนองคาย กันแล้ว ไปโล้ดดดด!!
สะพายเป้กันไปสองคนแบบไม่มีรถก็ต้องใช้บริการ
“สกายแล๊ป”
รถโดยสารคันน้อยของที่นี่ เดินทางไปที่พักกันซะหน่อย
ที่หมายของเราคือที่พัก “จันทร์หอม”
เสียค่ารถไปคนละ 50 บาท
ตอนแรกนึกว่าจะขับเร็วปรู๊ดปร๊าด ที่ไหนได้
ขับชิวๆตากลมหนาวกันจนหน้าชาไปหมดเลยฮะ (ก็วิ่งความเร็วสูงสุดน้อยนิดเดียวเอง
=3=)
ประมาณ15นาทีเราก็มาถึงที่หมาย
ป้ายบอกทางก็ชัดเจนดีนะ เท่าที่สังเกตดู J
ป้ายบอกทางริมถนน
ที่พักอยู่เข้าไปด้านในอีกที
บอกก่อนเลยว่าเราไปกันด้วยงบประหยัด เพราะฉะนั้นที่เราไปพักจะไม่หรูหรา แค่เก็บของ
พักผ่อน อาบน้ำ นอนได้เท่านั้น อย่าหวังว่ามันจะสวยหรู 555
(เที่ยวอย่างพอเพียงนะจ๊ะ)
ด้านในซอยก็มีป้ายบอกชัดเจน
ด้านหน้าของที่พักจันทร์หอม
ป้ายบอกทั้งไวไฟ เบอร์ร้านเช่ารถ
เต็มเคาเตอร์เลย
ที่นั่งพักผ่อนด้านใน
มีกาแฟโอวัลตินชงได้ตามสะดวก
ห้องพักที่นี่ เตียงใหญ่ ราคา 370บาท/คืน จริงๆแล้วเราไม่ได้จองห้องพักที่นี่ แต่ดันเกิดเหตุขัดข้องทางที่พักเดิม
เขาเลยหาที่พักใหม่ให้เลยได้ที่นี่มา
ตอนเห็นห้องก็แบบ เตียงใหญ่มาก
นอนหลายคนได้สบายเลย 555
ห้องกว้างมีทีวี ตู้เย็น โต๊ะเครื่องแป้ง
ส่วนห้องน้ำมีชักโครก หัวฉีดชำระ อ่างล้างมือ กระจก ฝักบัว น้ำอุ่น
ถือว่าหรูกว่าที่เราคิดไว้เยอะนะในราคานี้ ^^
ที่นอนใหญ่มาก
เก็บของ อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน เรียบร้อย
ก็ได้เวลาออกไปตะลุยเที่ยวแหลกกันแล้วจ้า !!!
แต่ก่อนอื่นกองทัพต้องเดินด้วยท้อง
เพราะฉะนั้น เราก็ต้องหาอะไรทานกันซะก่อน
จากที่พักเดินทะลุวัดไปได้
จะไปโผล่ถนนตรงข้ามตลาดท่าเสด็จ เดินเลี้ยวไปทางซ้ายจะมีร้านขายไข่กระทะ
ข้าวเปียกตั้งอยู่เห็นป้ายชัดเจน ชื่อร้าน
“ดาริกา ไข่กระทะ” พี่เจ้าของร้านบอกว่าถ้าจะมาตอนเช้า ตี 5 ครึ่งก็มาได้แล้วนะ ของพร้อมขาย อิอิ
บรรยากาศภายในร้าน
ที่ร้านเมนูเยอะแยะเลย
ตามไปดูว่ามีอะไรกันบ้างดีกว่า
ร้านนี้จะเสิร์ฟชาร้อนให้ดื่มฟรี!! รสชาติออกเป็นชาจีนธรรมดาแหละจ้า
ขนมปังสุดฮิตที่ใครมาเที่ยวก็ต้องแวะซื้อ
มาดูเมนูที่เราสั่งสำหรับมือเช้าดีกว่า
หนีไม่พ้น “ไข่กระทะ 40 บาท” กับ “ข้าวเปียกเส้น 35 บาท”
คนทานรสอ่อนๆคงจะติดใจ แต่คนที่ติดทานรสจัดออกจะไม่ถูกปากนะจ๊ะ
อิ่มท้องกันเรียบร้อยก็ต้องกันไปกันต่อ
เป้าหมายต่อไปคือเช้ารถ เดินเจอร้านแรก เจอไปคันละ 250 บาท
เลยไม่เช่า
หัวโล่งอยู่ซักพักไม่รู้จะไปเช่ารถที่ไหนดี
เดินมาถึงโรงพยาบาลตรงหัวมุมตามที่ที่พักบอกมาก็หาร้านเช่ารถไม่เจอก็เลยถามคนแถวนั้น
เขาบอกว่าต้องเดินไปหลังโรงพยาบาล (ซะงั้น 555)
ในที่สุดเราก็ได้มอไซต์คันน้อยมา
ในราคา 200 บาท อิอิ
พี่ใจดีให้คืนได้เช้าอีกวันเลย ได้ขับกันเที่ยวยาวไป หุหุ
มุ่งหน้าไปเที่ยวที่แรกกันก่อนเลย
“สะพานมิตรภาพไทย-ลาว” ขับกันไปซักพักเริ่มรู้สึก...ไกลเหมือนกันแห๊ะ
พ่อหมีถึงกับบ่นเล็กน้อย 555
ถึงที่หมายก็วนหาที่จอดรถอยู่ซักพัก คือ
ไม่รู้จะจอดรถไว้ตรงไหน 555
หลังจากจอดรถเรียบร้อย
ก็มึนๆหาทางขึ้นสะพานไม่เจอ ก็มีเสียงจากคุณป้าร้านขายผลไม้ใกล้ๆส่งเสียงบอกว่า
ขึ้นสะพานเข้าทางนี้ลูก ขอบคุณค๊าบบบ ><”
ด้านล่างใต้สะพานจะเป็นสวนหย่อมทั้งสองข้างทาง
ร่มรื่นดีเชียวล่ะ พอเดินเข้าไปสักพักก็จะเจอเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าทางขึ้นอยู่
(ตรงนี้มีให้แลกเงินกีบด้วยนะ) ทางขึ้นไม่ชันมาก เดินชิวๆเย็นๆร่มรื่นสบายตา
พอถึงบนสะพานก็จะเป็นแบบนี้ มีธงชาติไทยพลิ้วตามลม ~
เดินไปถึงกลางสะพานก็ต้องหยุด
เพราะป้ายห้ามผ่าน 555 วิวสวยเชียวล่ะ
แต่จะดีมากถ้าไม่เดินเวลาเที่ยงแบบนี้ 555
ภาพถ่ายมุมสูงจากบนสะพาน
อยู่ที่สะพานซักพักก็ได้เวลาไปที่หมายต่อไป “อนุสาวรีย์ปราบฮ่อ”
มาถึงที่ตาม Map ที่ลงไว้ งงเป็นไก่ตาแตกเลยฮะ
เพราะว่าตอนเช้าที่นั่งสกายแลปก็ผ่านที่นี่มาแล้ว
แต่ดันไม่รู้ว่าที่นี่คือ อนุสาวรีย์ปราบฮ่อ
555
แชะภาพเล็กน้อย แล้วก็ขับรถไปหาที่เติมน้ำมัน
เติมไป 40 บาท
ก่อนจะไปต่อกันที่ “ตลาดโพธิ์ชัย” หาง่ายตรงที่อยู่ติดกับวัดโพธิ์ชัยเลยจ้า
พวกเราเลยจอดรถไว้ในวัดแล้วเดินผ่านประตูเล็กด้านหลังวัดมาที่ตลาด
แต่ว่า...เป็นตลาดเช้าอ่ะ ตลาดเลยวายหมดแล้ว 555
ดีนะยังมีเนื้อปิ้งของโปรดให้ได้ทาน ><”
ตลาดเช้าโพธิ์ชัย
เนื้อเสียบไม้ปิ้งของโปรด 10 บาท
เดินเล่นกัน ซื้อยาทานกันเล็กน้อย
(อาการหวัดกำเริบ 555) เสร็จแล้วก็ไปไหว้พระทำบุญกันต่อที่
“วัดโพธิ์ชัย”
ทางเข้าเห็นชัดเจน
หลังจากที่ไหว้พระทำบุญกันคนละนิดละหน่อยเรียบร้อยก็ไปต่อกันที่
“ศาลาแก้วกู่”
ที่นี่เสียค่าเข้าชม คนละ 20 บาท
นอกจากจะมีรูปปั้นให้ชมมากมาย ที่นี่ยังมีบ่อให้อาหารซึ่งปลามัน...ตัวใหญ่มว๊ากกกกก *0*
ที่พาเดินมาทั้งหมดเป็นแค่รอบๆบริเวณ
ไปดูที่สำหรับสักการะบูชากันบ้างดีกว่า ^^
มีให้จุดธูปเทียนบูชาด้านนอก
และเสี่ยงเซียมซี
ด้านใน
ที่นี่มีอะไรให้ดูเยอะแยะ
แถมวางกล้องไม่ได้ด้วย อยากถ่ายไปหมด ><”
ทำให้เลยจากเวลาที่วางแผนไว้มามากพอควร
โดนดุเล็กน้อย ><”
เราก็เลยต้องรีบเดินทางไปที่หมายต่อไป
ก่อนที่กระเพาะจะร้องไปมากกว่านี้ 555 (ยังไม่ได้ทานอะไรกันเลย)
ที่ต่อไปที่เราจะไปกัน คือ “พระธาตุหล้าหนอง”
อยู่ติดริมน้ำโขง วิวสวยมากเลยล่ะ ^^
ถ้ามาที่นี่
ลองอ่านประวัติดูจะพบว่าที่มาของชื่อเป็นอย่างไร
แล้วจะต้องมองหาพระธาตุกลางน้ำโขงแบบเราเป็นแน่แท้ 555
ไปที่ไหนก็อ่านทำความเข้าใจถึงประวัติของสถานที่นั้นๆด้วยน้า
จะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร อิอิ
จากนั้นด้วยความหิวเราสองคนก็ตรงไปที่
“แดงแหนมเนือง” ทันที
แต่ดันไปผิดทางเลาะริมโขงไปดันไปสุดที่ท้ายตลาดท่าเสด็จ
แต่ร้านอยู่ด้านหน้าก็ขับวกออกมา
แล้วไปเข้าด้านหน้าตลาดเพื่อที่จะทานแดงแหนมเนืองอันโด่งดัง
ไม่น่าเชื่อว่าร้านป้ายจะโดดเด่น
และบอกทางอย่างเห็นได้ชัด
ขับเข้าไปทางตลาดท่าเสด็จเลี้ยวซ้ายไปเล็กน้อยจะเจอร้านแดงแหนมเนือง
ที่คนเยอะสุดๆ
><”
มีที่จอดรถ
ซึ่งบางทีเราคิดว่าน่าจะจอดไว้ที่อื่นแล้วเดินมาร้านดีกว่า
เพราะถึงมีที่จอดรถก็น้อยอยู่ดี = =”
ป้ายแดงแหนมเนืองโดดเด่นมาก
เหมือนแมคโนนัลด์เลยอ่ะ ><”
ไปดูเมนูกันเลยดีกว่า
ของที่เราสั่งมามี 3 อย่าง คือ แหนมเนืองชุดเล็ก ขาหมูยัดไส้ และขนมจีนทรงเครื่อง
ขนมจีนทรงเครื่อง
40 บาท
เริ่มแรกทานกันอย่างเอร็ดอร่อย มาตอนหลัง
อิ่ม...ก็แหม ตอนหิวมันก็อยากสั่งนู่นนี่เยอะไปหมด
เลยอิ่มสุดๆไปเล้ยยย 555
แล้วเราก็ไปต่อกันที่ “ตลาดท่าเสด็จ”
แต่ว่า...ตลาดวาย มาตอนเกือบๆ6โมงเย็น
ไม่นึกว่าจะปิดเร็วขนาดนี้ TT
เลยไปเดินเล่น
“ถนนคนเดินริมโขง” ซึ่งจะมีเฉพาะวันเสาร์ตอนเย็นเท่านั้น ^^
ของกินของขายของทำมือเพียบเลย คนเยอะใช่เล่น
ถนนยาวเริ่มตั้งแต่ตลาดท่าเสด็จ
ยาวผ่านแดงแหนมเนืองเลยไปถึงถนนสุดทาง
ข้างทางยังมีงานศิลปะให้เด็กๆรวมถึงครอบครัวได้ทำงานศิลปะร่วมกัน
นอกจากนั้นยังมีโชว์วาดภาพ ไวโอลินคลาสิค
โชว์สีซอ รวมถึงเต้นคฟเวอร์และบีบอย
เรียกได้ว่าถนนคนเดินหนองคายแห่งนี้
คนมาเดินเยอะจริงๆ ><”
ซื้อขนมหวานติดไม้ติดมือกลับเข้าที่พัก
ทานเสร็จสรรพก็ได้เวลานอนพักผ่อนกันแล้ว Z..z.z
นี่แค่ผ่านไป 1คืน กับอีก 2 วัน (เดินทางบนรถไฟ ถึงหนองคาย นอนหนองคาย 1 คืน รวม 2 วัน)
นี่แค่ผ่านไป 1คืน กับอีก 2 วัน (เดินทางบนรถไฟ ถึงหนองคาย นอนหนองคาย 1 คืน รวม 2 วัน)
พรุ่งนี้เช้าต้องนั่งรถไฟไป เที่ยวเวียงจันทน์
ตื่นเต้นๆ
ติดตามอ่านกันด้วยนะค๊าบบบ ^0^
บล๊อคหน้าเจอกันที่เวียงจันทน์นะฮะ >3<
"เพราะทุกการเดินทาง คือประสบการณ์อันล้ำค่าของชีวิต" : @porpoyz
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น